แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะหลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีแล้วนั้น เมื่อศาลชั้นต้นยังไม่สั่งรับฎีกาของคู่ความฝ่ายที่มรณะ คดีย่อมยังอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะวินิจฉัยสั่งได้
การที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความตามมาตรา 42แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น จะต้องเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะในระหว่างที่คดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลนั้นเอง เมื่อคู่ความมรณะระหว่างที่คดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลอุทธรณ์ เป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งจำหน่ายคดี จนกระบวนพิจารณาได้ผ่านจากชั้นศาลอุทธรณ์มาเป็นกระบวนพิจารณาชั้นศาลฎีกา โดยศาลชั้นต้นได้สั่งให้ทายาทของผู้มรณะเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ และได้สั่งรับฎีกาแล้ว ย่อมมิใช่เป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะในระหว่างที่คดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลฎีกา ศาลฎีกาจะสั่งจำหน่ายคดีมิได้
(วรรคท้าย วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2515)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินโฉนดที่ 3016 เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครอง และให้ขับไล่จำเลยที่ 1 และที่ 5 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป
จำเลยที่ 1, 2, 3, 5 และ 8 ต่อสู้คดี
จำเลยที่ 4, 6, 7 และ 9 ขาดนัดยื่นคำให้การ และจำเลยที่ 7ขาดนัดพิจารณาด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินโฉนดที่ 3016 เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครองให้ขับไล่จำเลยที่ 1 และที่ 5 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป และห้ามจำเลยทั้งหมดเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยที่ 1, 2, 3, 5 และ 8 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2513 ต่อมาจึงปรากฏว่าจำเลยที่ 5 ตายตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2511 นางเชื้อ ทรัพย์สาร บุตรสาว จำเลยที่ 5 ร้องขอรับมรดกความแทนจำเลยที่ 5 ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 โดยนางเชื้อ ทรัพย์สารผู้รับมรดกความ และที่ 8 ฎีกา
โจทก์แก้ฎีกาและคัดค้านมาในคำแก้ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งเรื่องรับมรดกความ เพราะเป็นกระบวนพิจารณาในชั้นฎีกา และผู้ร้องได้ร้องขอเข้ามาเมื่อจำเลยที่ 5 ตายเกิน 1 ปีแล้วศาลต้องสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรค 2 ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1549/2508
ในปัญหาตามคำแก้ฎีกาของโจทก์ ข้อเท็จจริงได้ความว่า นางเชื้อทรัพย์สาร ยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 5 พร้อมกับยื่นฎีกามาฉบับเดียวกันกับจำเลยที่ 1, 2, 3 และ 8 ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะฎีกาของจำเลยที่ 1, 2, 3 และ 8 ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 5 ศาลชั้นต้นสั่งว่าจะสั่งต่อเมื่อได้ไต่สวนคำร้องขอรับมรดกความแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นยังไม่สั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 5 คดีจึงยังอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นชอบที่จะวินิจฉัยสั่งเรื่องนางเชื้อ ทรัพย์สาร ผู้ร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 5 ได้
มีปัญหาต่อไปว่า เมื่อศาลชั้นต้นสั่งให้นางเชื้อ ทรัพย์สารผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 5 และรับฎีกาของนางเชื้อ ทรัพย์สาร แล้ว ศาลฎีกาจะต้องสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 5 ออกจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรค 2 เพราะผู้ร้องร้องขอเข้ามาเมื่อจำเลยที่ 5 มรณะเกินกว่าหนึ่งปีแล้วหรือไม่
ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหาข้อนี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่าการที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีจากสารบบความตามมาตรา 42 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นจะต้องเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะในระหว่างที่คดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลนั้นเองสำหรับคดีนี้ จำเลยที่ 5 มรณะระหว่างที่คดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลอุทธรณ์ แม้จะเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปี ก็ไม่ปรากฏว่ามีการจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 5 ในชั้นศาลอุทธรณ์แต่อย่างใดกระบวนพิจารณาได้ผ่านจากชั้นอุทธรณ์มาเป็นกระบวนพิจารณาชั้นศาลฎีกา โดยศาลชั้นต้นได้สั่งให้นางเชื้อ ทรัพย์สาร ผู้ร้อง เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 5 ผู้มรณะ และได้สั่งรับฎีกาของผู้ร้องแล้ว จึงมิใช่เป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมรณะในระหว่างที่คดีค้างพิจารณาอยู่ในศาลฎีกา ศาลฎีกาจะสั่งจำหน่ายคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 มิได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2508 ระหว่าง นายสงวน วิทยวิภาต โจทก์ นางหมุยยู้ แซ่โค้ว จำเลย ซึ่งโจทก์อ้างประกอบข้อคัดค้านนั้น รูปคดีไม่ตรงกันกับคดีนี้
สำหรับประเด็นในเนื้อหาแห่งคดี ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นพ้องด้วยกับสองศาลล่าง
พิพากษายืน