แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นมาตรา79แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองด้วยผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งว่าส. ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและคณะกรรมการรวมยอดคะแนนเลือกตั้งซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา51,52โดยจงใจร่วมกันรวมคะแนนให้ผิดไปจากประกาศผลของการนับคะแนน(ส.ส.5)และรายงานการแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4)ซึ่งคณะกรรมการตรวจคะแนน506หน่วยส่งมาให้และประกาศผลการรวมคะแนนของผู้ร้องมีคะแนนรวม38,204คะแนนลดลงจากเดิมจำนวน718คะแนนส่วนคะแนนของผู้คัดค้านที่3ได้คะแนนรวม41,515คะแนนเพิ่มจากเดิมจำนวน3,421คะแนนเป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหารดังนี้ข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ว่าราชการจังหวัดกับพวกดังกล่าวรวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน(ส.ส.4)และประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส.5)ผิดพลาดแต่ตามคำร้องของผู้ร้องมิได้บรรยายให้ชัดเจนว่าแต่ละหน่วยเลือกตั้งใน506หน่วยใน7อำเภอผู้ร้องได้คะแนนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนนคะแนนของผู้ร้องและของผู้คัดค้านที่3ตามรายงานแสดงผลของการนับคะแนน(ส.ส.4)และประกาศผลของการนับคะแนน(ส.ส.5)ของแต่ละหน่วยเลือกตั้งเป็นจำนวนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนนรวมแล้วเป็นยอดคะแนนรวมดังที่ผู้ร้องอ้างทั้งที่มิได้มีการประกาศผลการนับคะแนนณที่เลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา71และกฎกระทรวง(พ.ศ.2522)ออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522ข้อ21และซึ่งผู้ร้องก็รับว่าได้มีการประกาศไว้ที่หน่วยเลือกตั้งแล้วสำหรับข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าในวันเลือกตั้งก่อนเวลา18นาฬิกาผู้ร้องได้ตรวจสอบผลการตรวจคะแนนของคณะกรรมการตรวจนับประจำหน่วยเลือกตั้งในเขตจังหวัดมุกดาหารรวม506หน่วยซึ่งเป็นคะแนนที่คณะกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งได้ประกาศผลของการนับคะแนนแก่ประชาชนผู้อยู่ณที่เลือกตั้งความปรากฏว่าผู้ร้องได้ยอดคะแนนรวมทั้งสิ้น38,922คะแนนเป็นคะแนนอันดับ2ส่วนผู้คัดค้านที่2ได้คะแนนรวม43,954คะแนนเป็นคะแนนอันดับที่1ผู้คัดค้านที่3ได้คะแนนรวม38,094คะแนนเป็นคะแนนอันดับ4นั้นก็เป็นตัวเลขจำนวนคะแนนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างลอยๆไม่แสดงโดยแจ้งชัดว่าในแต่ละหน่วยเลือกตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่2และที่3ได้คะแนนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนนรวมแล้วจะเป็นคะแนนรวมดังที่ผู้ร้องอ้างคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวผู้ร้องก็รับว่าได้มีการประกาศไว้ที่หน่วยเลือกตั้งแล้วการที่ผู้ร้องไม่สามารถแสดงตัวเลขจำนวนคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งได้แสดงว่าผู้ร้องนำตัวเลขยอดคะแนนรวมที่สำนักงานการประถมศึกษารวม7อำเภอในจังหวัดมุกดาหารได้รายงานมาให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดมุกดาหารได้รับทราบก่อนจะมีการประกาศผลคะแนนรวมเป็นทางการของจังหวัดและเป็นตัวเลขยอดคะแนนเดียวกับที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมุกดาหารได้ประกาศผลมาใช้กล่าวอ้างในคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งซึ่งตามคำร้องของผู้ร้องก็รับแล้วว่ายอดคะแนนรวมดังกล่าวเป็นยอดคะแนนที่ไม่เป็นทางการของจังหวัดมุกดาหารและเป็นคะแนนที่ผู้ร้องตรวจสอบเบื้องต้นดังนั้นตัวเลขที่ผู้ร้องอ้างว่าคะแนนรวมของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่3ผิดพลาดตามคำร้องนั้นจึงเห็นได้ว่าเป็นการคิดคำนวณคาดหมายเอาเองตามนัยดังกล่าวมาแล้วเพียงเพื่อจะอ้างเป็นเหตุร้องคัดค้านและเพื่อให้ปรากฎในคำร้องเท่านั้นและหากศาลวินิจฉัยว่าคำร้องเช่นนี้เป็นคำร้องที่ชอบแล้วผลที่ตามมาก็คือผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดเพียงแต่สงสัยการรวมคะแนนของผู้ว่าราชการจังหวัดผู้มีหน้าที่รวมยอดคะแนนการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ.2522มาตรา76ก็อาจยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อให้ศาลทำหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน(ส.ส.4)และประกาศของการนับคะแนน(ส.ส.5)ให้ใหม่ได้ทุกรายไปคำร้องของผู้ร้องจึงเลื่อนลอยเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172วรรคสองจึงไม่อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไปขึ้นในวันที่ 2กรกฎาคม 2538 สำหรับจังหวัดมุกดาหารเขตเดียว จำนวน 7 อำเภอ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 2 คน มีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 12 คน ในวันเลือกตั้งก่อนเวลา 18 นาฬิกา ผู้ร้องได้ตรวจสอบผลการตรวจคะแนนของคณะกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยได้ประกาศผลการนับประจำหน่วยเลือกตั้งในจังหวัดมุกดาหาร จำนวน 506 หน่วยซึ่งเป็นคะแนนที่คณะกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยได้ประกาศผลการนับคะแนน ณ ที่หน่วยเลือกตั้งแต่ละหน่วย ผู้ร้องได้คะแนนทั้งหมด 38,922 คะแนน เป็นอันดับสองรองจากคะแนนของนางวรศุลี เชาว์ศิริกุล ซึ่งได้คะแนนทั้งหมด 43,954 คะแนนส่วนนายระวี กิ่งคำวงศ์ ได้คะแนนทั้งหมด 38,094 คะแนน เป็นอันดับที่ 4 ซึ่งคะแนนที่ผู้ร้องตรวจสอบเบื้องต้นตรงกับคะแนนที่สำนักงานการประถมศึกษารวม 7 อำเภอ ได้รายงานให้นายสาโรช คัชมาตย์ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดมุกดาหาร ได้รับทราบก่อนที่จะมีการประกาศผลการรวมคะแนนเป็นทางการของจังหวัด และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดมุกดาหารก็ได้ประกาศคะแนนของผู้ร้องตรงกับรายงานของตัวแทนผู้ร้องและรายงานของสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดมุกดาหารนางวรศุลี เชาว์ศิริกุล และผู้ร้องจึงเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร แต่จังหวัดมุกดาหารโดยนายสาโรช คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งและเป็นเจ้าพนักงานเลือกตั้งประกาศผลการรวมคะแนนแตกต่างไปทำให้ผู้ร้องได้คะแนน 38,204 คะแนน ลดลง 718 คะแนนส่วนนายระวี กิ่งคำวงศ์ ได้คะแนน 41,515 คะแนน เพิ่มขึ้น3,421 คะแนน เป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยคะแนนดังกล่าวไม่ตรงกับผลการนับคะแนนของคณะกรรมการเลือกตั้งซึ่งเป็นกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทั้งจังหวัดรวม506 หน่วย เพราะนายสาโรช คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและคณะกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหารซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งได้ร่วมกันรวมคะแนนให้ผิดไปจากที่ประกาศผลการนับคะแนน (ส.ส.5) และรายงานแสดงผลการนับคะแนน (ส.ส.4) ที่คณะกรรมการตรวจคะแนนแต่ละหน่วยรวบรวมส่งก่อนจะประกาศผลการเลือกตั้งเป็นทางการ จึงเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา51, 52 ขอให้มีคำสั่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหารขึ้นใหม่ ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านว่าคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมขอให้ยกคำร้อง ผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นคำคัดค้านว่า การเลือกตั้งชอบด้วยกฎหมายผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าพนักงาน และกรรมการตรวจนับคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งได้ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุมไม่บรรยายว่าผู้ร้องได้คะแนนในหน่วยเลือกตั้งหน่วยละกี่คะแนน จึงรวมกันได้ 38,922 คะแนน เจ้าหน้าที่คนใดกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างไร ทุจริตอย่างไร ขอให้ยกคำร้อง ผู้คัดค้านที่ 3 ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน และเจ้าหน้าที่คะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งทั้งหมดได้ปฎิบัติหน้าที่ถูกต้องตามความจริงและตามกฎหมายผลการนับคะแนนตรงกับรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4) และประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส.5) ที่ได้ส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ผลการนับคะแนนถูกต้องทุกประการ คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม ไม่อาจทราบได้ว่ามีการจงใจรวมคะแนนให้ผิดไปในหน่วยเลือกตั้งใด ขอให้ยกคำร้อง ก่อนทำการไต่สวน ผู้ร้องและผู้คัดค้านทั้งสามแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า แบบ ส.ส.4 และ ส.ส.5 ที่ผู้คัดค้านที่ 1 ส่งมายังศาลตามหนังสือนำส่งลงวันที่ 7 ธันวาคม 2538 นั้น เป็นเอกสารที่ทางจังหวัดมุกดาหารส่งมาในทางราชการ คู่ความทุกฝ่ายยอมรับว่าว่าการรายงานผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหารของสำนักงานประถมศึกษาจังหวัดมุกดาหารตามที่ปรากฏในคำร้องและในเอกสารท้ายคำร้องของผู้ร้องนั้น มิใช่เป็นการรายงานผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ที่มีหน้าที่ในทางราชการตามที่พระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 กำหนด ศาลจังหวัดมุกดาหารเห็นว่า กรณีอาจทำความเห็นได้โดยไม่ต้องให้คู่ความสืบพยาน ให้งดการไต่สวนและทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่าผู้ร้องไม่มีอำนาจร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามคำร้องได้ และคำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172วรรคสอง เห็นควรให้ยกคำร้อง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ด้วยพิเคราะห์คำร้องของผู้ร้องโดยตลอดแล้ว ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่า นายสาโรช คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและคณะกรรมการรวมยอดคะแนนเลือกตั้งซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 51, 52 โดยจงใจร่วมกันรวมคะแนนให้ผิดไปจากประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส.5)และรายงานการแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4) ซึ่งคณะกรรมการตรวจคะแนน 506 หน่วย ส่งมาให้และประกาศผลการรวมคะแนนของผู้ร้องมีคะแนนรวม 38,204 คะแนน ลดลงจากเดิมจำนวน 718 คะแนน ส่วนคะแนนของผู้คัดค้านที่ 3 ได้คะแนนรวม 41,515 คะแนน เพิ่มจากเดิมจำนวน 3,421 คะแนน เป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร ดังนี้ เห็นว่า ข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ว่าราชการจังหวัดกับพวกดังกล่าวรวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4) และประกาศผลของการนับคะแนน(ส.ส.5) ผิดพลาด แต่ตามคำร้องของผู้ร้องมิได้บรรยายให้ชัดเจนว่าแต่ละหน่วยเลือกตั้งใน 506 หน่วย ใน 7 อำเภอ ผู้ร้องได้คะแนนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนน คะแนนของผู้ร้องและของนายระวี กิ่งคำวงศ์ ผู้คัดค้านที่ 3 ตามรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4) และประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส.5) ของแต่ละหน่วยเลือกตั้งเป็นจำนวนหน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนน รวมแล้วเป็นยอดคะแนนรวมดังที่ผู้ร้องอ้าง ทั้งที่ได้มีการประกาศผลการนับคะแนนณ ที่เลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 มาตรา 71 และกฎกระทรวง (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ข้อ 21และซึ่งผู้ร้องก็รับว่าได้มีการประกาศไว้ที่หน่วยเลือกตั้งแล้วสำหรับข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าในวันเลือกตั้งก่อนเวลา 18 นาฬิกาผู้ร้องได้ตรวจสอบผลการตรวจคะแนนของคณะกรรมการตรวจนับประจำหน่วยเลือกตั้งในเขตจังหวัดมุกดาหารรวม 506 หน่วย ซึ่งเป็นคะแนนที่คณะกรรมการตรวจคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งได้ประกาศผลของการนับคะแนนแก่ประชาชนผู้อยู่ ณ ที่เลือกตั้ง ความปรากฏว่าผู้ร้องได้ยอดคะแนนรวมทั้งสิ้น 38,922 คะแนน เป็นคะแนนอันดับ 2 ส่วนผู้คัดค้านที่ 2 ได้คะแนนรวม 43,954 คะแนน เป็นคะแนนอันดับ 1ผู้คัดค้านที่ 3 ได้คะแนนรวม 38,094 คะแนนเป็นอันดับ 4 นั้นก็เป็นตัวเลขจำนวนคะแนนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่แสดงโดยแจ้งชัดว่าในแต่ละหน่วยเลือกตั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 2และที่ 3 ได้คะแนน หน่วยเลือกตั้งละกี่คะแนน รวมแล้วจะเป็นคะแนนรวมดังที่ผู้ร้องอ้าง คะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งดังกล่าวผู้ร้องก็รับว่าได้มีการประกาศไว้ที่หน่วยเลือกตั้งแล้ว การที่การที่ผู้ร้องไม่สามารถแสดงตัวเลขจำนวนคะแนนแต่ละหน่วยเลือกตั้งได้แสดงว่าผู้ร้องนำตัวเลขยอดคะแนนรวมที่สำนักงานการประถมศึกษารวม 7 อำเภอ ในจังหวัดมุกดาหาร ได้มารายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารและสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดมุกดาหารได้รับทราบก่อนจะมีการประกาศผลคะแนนรวมเป็นทางการของจังหวัดและเป็นตัวเลขยอดคะแนนเดียวกับที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดมุกดาหารได้ประกาศผลมาใช้กล่าวอ้างในคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ซึ่งตามคำร้องของผู้ร้องก็รับแล้วว่ายอดคะแนนรวมดังกล่าวเป็นยอดคะแนนที่ไม่เป็นทางการของจังหวัดมุกดาหารและเป็นคะแนนที่ผู้ร้องตรวจสอบเบื้องต้น ดังนั้น ตัวเลขที่ผู้ร้องอ้างว่าคะแนนรวมของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 3 ผิดพลาดตามคำร้องนั้นจึงเห็นได้ว่าเป็นการคิดคำนวณคาดหมายเอาเองตามนัยดังกล่าวมาแล้วเพียงเพื่อจะอ้างเป็นเหตุร้องคัดค้านและเพื่อให้ปรากฏในคำร้องเท่านั้น และหากศาลวินิจฉัยว่าคำร้องเช่นนี้เป็นคำร้องที่ชอบแล้ว ผลที่ตามมาก็คือผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดเพียงแต่สงสัยการรวมคะแนนของผู้ว่าราชการจังหวัดผู้มีหน้าที่รวมยอดคะแนนการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพ.ศ. 2522 มาตรา 76 ก็อาจยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งเพื่อให้ศาลทำหน้าที่รวมคะแนนจากรายงานแสดงผลของการนับคะแนน (ส.ส.4)และประกาศผลของการนับคะแนน (ส.ส.5) ให้ใหม่ได้ทุกรายไป คำร้องของผู้ร้องจึงเลื่อนลอย เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง จึงไม่อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นอีก” มี คำสั่ง ให้ยก คำร้องขอ งผู้ร้อง