แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสาม ให้จำเลยทั้งสามส่งมอบบ้านและที่ดินให้แก่โจทก์ และชำระค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท หากส่งมอบไม่ได้ให้ชำระราคา 120,000 บาท นั้น เป็นการฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมและเรียกร้องทรัพย์สินมาเป็นของโจทก์ หรือให้ชดใช้ราคาแก่โจทก์ ถือว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อราคาทรัพย์สินที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท คดีจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นสามีจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 เป็นพี่เขยจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 และที่ 2ขายบ้านไม้ 2 ชั้นใต้ถุนสูง 1 หลัง เลขที่ 156 หมู่ที่ 13ตำบลนางัว อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี พร้อมที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินให้แก่โจทก์ในราคา 54,000 บาท โดยทำหนังสือสัญญาซื้อขาย โจทก์ได้ชำระราคาให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2แล้วในวันทำสัญญา พร้อมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ส่งมอบการครอบครองบ้านและที่ดินให้แก่โจทก์ โจทก์ซื้อบ้านเพื่อรื้อไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เมื่อส่งมอบบ้านให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2ขอเช่าบ้านเพื่ออยู่อาศัยชั่วคราว โจทก์ให้เช่าโดยคิดค่าเช่าเดือนละ500 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 และที่ 2 จดทะเบียนขายบ้านและที่ดินให้แก่จำเลยที่ 3 ในราคา 150,000 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงกว่าราคาที่แท้จริง เพราะราคาที่แท้จริงเพียง 12,000 บาท เท่านั้น การซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสามไม่มีผลตามกฎหมาย เพราะจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ใช่เจ้าของบ้านและที่ดิน โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยส่งมอบบ้านและที่ดินให้แก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยไม่ยินยอมปัจจุบันบ้านและที่ดินมีราคา 120,000 บาท ถ้าให้คนอื่นเช่าจะได้ค่าเช่าอย่างต่ำเดือนละ 1,000 บาท ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสาม ให้จำเลยส่งมอบบ้านและที่ดินให้แก่โจทก์ หากส่งมอบไม่ได้ให้ชำระราคา 120,000 บาท และให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบบ้านและที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสาม ให้จำเลยส่งมอบบ้านและที่ดินให้โจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง หากส่งมอบไม่ได้ให้จำเลยชำระราคาบ้านและที่ดินให้โจทก์ 120,000 บาท ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 500 บาท นับแต่วันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยส่งมอบบ้านและที่ดินให้โจทก์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสาม ให้จำเลยทั้งสามส่งมอบบ้านและที่ดินให้แก่โจทก์ และชำระค่าเสียหายเดือนละ 1,000 บาท หากส่งมอบไม่ได้ให้ชำระราคา 120,000 บาท นั้น เป็นการฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมและเรียกร้องทรัพย์สินมาเป็นของโจทก์ หรือให้ชดใช้ราคาแก่โจทก์ ถือว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่าการซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นโมฆะ และไม่มีการส่งมอบการครอบครองโจทก์จะขอให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ส่งมอบบ้านและที่ดินให้โจทก์ไม่ได้ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 โจทก์ฎีกาว่า สัญญาซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่เป็นโมฆะ เพราะจำเลยที่ 1และที่ 2 แสดงเจตนาสละการครอบครองและส่งมอบการครอบครองให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์นับแต่วันทำสัญญาซื้อขายและไม่ต้องจดทะเบียนซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยที่ 1 และที่ 2ไม่มีสิทธิที่จะนำทรัพย์พิพาทไปจดทะเบียนขายให้จำเลยที่ 3 จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงคดีนี้ ราคาทรัพย์สินที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์นั้นไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษาให้ยกฎีกาของโจทก์