คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าของกิจการและสถานการค้าประเวณี และฐานเป็นธุระจัดหาซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี อันเป็นความผิดสองกรรมและจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติปรากฏว่าจำเลยยังเป็นเจ้าของสถานที่ในลักษณะเดียวกันกับสถานที่ในคดีนี้อีกแห่งหนึ่ง โดยมีการแบ่งเป็นห้องเล็ก ๆ ภายในไว้สำหรับบริการทางเพศแสดงว่าจำเลยมิได้รู้สึกยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองนอกจากนี้จำเลยยังมีนิสัยและความประพฤติเป็นนักเลงอันธพาลและพกพาอาวุธปืน มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นมาหลายครั้งซึ่งจำเลยทราบรายงานดังกล่าวก็มิได้คัดค้านและพนักงานคุมประพฤติเห็นว่าการใช้วิธีคุมประพฤติน่าจะไม่ได้ผลกับจำเลย ตามพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับความประพฤติของจำเลยจึงไม่สมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณีเปิดร้านค้าใช้ชื่อว่า “น้องเหมียวคาราโอเกะ” โดยใช้สถานที่ดังกล่าวเพื่อให้บุคคลอื่นทำการค้าประเวณี และจำเลยได้จัดให้มีผู้หญิงทำการค้าประเวณีประจำอยู่ในสถานที่ดังกล่าวด้วยอันเป็นสถานการค้าประเวณีอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและจำเลยนี้เพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นได้เป็นธุระจัดหาและชักพาบุคคลอื่นซึ่งเป็นคนงานในร้านค้าของจำเลยไปเพื่อการอนาจาร โดยให้บุคคลดังกล่าวกระทำการค้าประเวณีและบุคคลนั้นยินยอมที่จะทำการค้าประเวณี อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 2, 3, 4, 9, 11ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 282
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดของกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปีและผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 11 วรรคหนึ่ง จำคุก 3 ปี รวมจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับว่ามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าของกิจการและสถานการค้าประเวณี และฐานเป็นธุระจัดหาซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีอันเป็นความผิดสองกรรมสองกระทง และยังปรากฏจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติว่าจำเลยยังเป็นเจ้าของสถานที่ในลักษณะเดียวกันกับสถานที่ในคดีนี้อีกแห่งหนึ่งที่อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชื่อร้านวังวลคาราโอเกะโดยแบ่งเป็นห้องเล็ก ๆ ภายในไว้สำหรับบริการทางเพศ แสดงว่าจำเลยมิได้รู้สึกยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมืองอีกทั้งจำเลยมีประวัติต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลและตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติก็ได้ความว่าจำเลยมีนิสัยและความประพฤติเป็นนักเลงอันธพาลและพกพาอาวุธปืน มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นมาหลายครั้ง ซึ่งจำเลยทราบรายงานดังกล่าวก็มิได้คัดค้านและพนักงานคุมประพฤติเห็นว่าการใช้วิธีคุมความประพฤติน่าจะไม่ได้ผลกับจำเลย ตามพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับความประพฤติของจำเลยจึงไม่สมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยนั้น เหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share