คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3548/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่านาพิพาทจากโจทก์ครบกำหนด 6 ปีแล้วไม่ยอมออกไปโจทก์จึงฟ้องขับไล่ ต่อมาระหว่างที่คดีอยู่ในการพิจารณาของศาลได้มีพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ใช้บังคับจำเลยจะอ้างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับแก่คดีหาได้ไม่เพราะพระราชบัญญัติดังกล่าวมิได้บัญญัติให้นำพระราชบัญญัตินี้ไปใช้บังคับแก่คดีความที่ค้างชำระอยู่ในศาลในวันที่หรือภายหลังวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เมื่อ พ.ศ. 2521 โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่านาพิพาทแก่จำเลยว่าเมื่อการเช่าครบกำหนด 6 ปีใน พ.ศ. 2522 แล้ว ให้จำเลยออกไปจากนาพิพาท ปลัดอำเภอผู้ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอได้สอบสวนคู่กรณีแล้วปรากฏว่าการเช่าจะครบกำหนด 6 ปีใน พ.ศ. 2523 จึงได้ทำการเปรียบเทียบให้จำเลยเช่าต่อไปจนถึงปี พ.ศ. 2523 และในปี พ.ศ. 2524 จำเลยหมดสิทธิทำนา ทั้งโจทก์และจำเลยต่างยินยอมตามคำเปรียบเทียบ และลงชื่อกับพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ในคำเปรียบเทียบดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ได้บอกเลิกการเช่านาพิพาทชอบด้วยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 39 แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่านาพิพาทจากโจทก์มีกำหนด 6 ปี โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าให้จำเลยทราบล่วงหน้าแล้ว เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ยอมออกไป จึงขอให้บังคับจำเลยออกจากนาพิพาทและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า การเช่ายังไม่ครบกำหนด 6 ปีตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 และโจทก์ไม่เคยบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลยล้วนแต่อ้างพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาเพื่อให้ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลฎีกาเห็นว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้ มาตรา 2 บัญญัติให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ปรากฏว่าพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2524 จึงมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2524 พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายที่บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่กับความรับผิดของผู้ให้เช่าและผู้เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งเป็นกฎหมายสารบัญญัติ จึงไม่มีผลย้อนหลัง เว้นแต่กฎหมายจะระบุไว้โดยแจ้งชัดให้มีผลเช่นนั้น เมื่อพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 ไม่มีบททบัญญัติใดให้นำพระราชบัญญัตินี้ไปใช้บังคับแก่คดีความซึ่งค้างชำระอยู่ในศาลเมื่อวันใช้หรือภายหลังวันใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวจำเลยจึงอ้างพระราชบัญญัติฉบับนี้มาใช้บังคับแก่คดีนี้ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องไว้ก่อนพระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับไม่ได้ อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความว่าโจทก์กับจำเลยถือว่ามีการเริ่มเช่านาพิพาทกันตั้งแต่ พ.ศ. 2518 จึงได้ตกลงยินยอมตามคำเปรียบเทียบของนายถนอม ผู้รับมอบหมายจากนายอำเภอว่าจำเลยมีสิทธิทำนาในที่นาพิพาทต่อไปถึง พ.ศ. 2523 และโจทก์จำเลยต่างได้ลงลายมือชื่อกับพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ในคำเปรียบเทียบแล้ว ถือได้ว่าการเช่าที่นาพิพาทระหว่างโจทก์จำเลยตามคำเปรียบเทียบของนายถนอมมีกำหนดคราวละ 6 ปีตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517มาตรา 5 แล้ว และคำเปรียบเทียบที่ระบุว่าในปี พ.ศ. 2524 จำเลยหมดสิทธิในการทำนาแปลงนี้ย่อมแสดงชัดแจ้งในตัวเองว่าได้มีการบอกเลิกการเช่านาเป็นหนังสือให้จำเลยผู้เช่านาทราบล่วงหน้าตั้งแต่วันที่โจทก์จำเลยลงชื่อกับพิมพ์ลายนิ้วมือในคำเปรียบเทียบนั้น ถือได้ว่าโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าที่นาพิพาทชอบด้วยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 39 แล้วเมื่อไม่ปรากฏว่าคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำอำเภอยับยั้งการบอกเลิกการเช่านาของโจทก์ไว้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย

พิพากษายืน

Share