แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของจำเลยเอง หากรุกล้ำที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริต และต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหาย เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินโจทก์โดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่อาจบังคับจำเลยให้รื้อถอนอาคารที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ได้และเนื่องจากคดีไม่มีประเด็นในเรื่องจำนวนเงินค่าใช้ที่ดิน และเรื่องการจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒ ศาลจึงไม่อาจพิจารณาพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมเฉพาะที่ดินส่วนที่อาคารของจำเลยรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าใช้ที่ดินให้แก่โจทก์ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วและอาคารของจำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์ หากพ้นวิสัยที่จะปฏิบัติได้ขอให้จำเลยชดใช้ค่าที่ดินและค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้ปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินโจทก์หากรุกล้ำก็เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริต ค่าที่ดินไม่เกินตารางวาละ๕,๐๐๐ บาท และค่าเสียหายไม่เกินเดือนละ ๑๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยสร้างอาคารรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยสุจริต โจทก์ไม่อาจบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ได้ ส่วนเรื่องจำนวนเงินค่าใช้ที่ดิน และการจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมในที่ดินส่วนที่จำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำนั้น เนื่องจากคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำที่ดินโจทก์ และให้ชดใช้ค่าเสียหาย จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารในที่ดินของจำเลยเอง หากรุกล้ำที่ดินของโจทก์ก็เป็นการปลูกสร้างโดยสุจริตและต่อสู้ในเรื่องค่าเสียหาย เช่นนี้คดีย่อมไม่มีประเด็นในเรื่องจำนวนเงินค่าใช้ที่ดิน และเรื่องการจดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒ ที่จะให้ศาลวินิจฉัยต่อไปได้ ในชั้นนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษายืน แต่ไม่ตัดสิทธิคู่ความที่จะไปว่ากล่าวกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๑๒.