แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มีหน้าที่ต้องส่งกระป๋องให้แก่จำเลยให้ครบตามจำนวนและกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ โดยในสัญญามิได้ระบุว่าแม้โจทก์จะยังส่งกระป๋องให้จำเลยไม่ครบจำนวนโจทก์ก็มีสิทธิเรียกเก็บเงินจากจำเลยได้ ดังนี้ เมื่อโจทก์ส่งกระป๋องให้แก่จำเลยไม่ครบจำนวนตามที่จำเลยสั่งซื้อ โจทก์จึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะใช้สิทธิเรียกให้จำเลยชำระราคาได้ การที่จำเลยไม่ชำระราคาให้โจทก์ ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ผิดสัญญา โจทก์จะใช้สิทธิเลิกสัญญาไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยให้ครบจำนวนหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยจนครบจำนวน โจทก์จึงตกเป็นผู้ผิดสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ซื้อกระป๋องจากโจทก์รวม ๔ ครั้ง รวม ๕๖,๐๔๐ ใบ ราคาใบละ ๒ บาท เป็นเงิน ๑๑๒,๐๘๐ บาท เมื่อถึงกำหนดชำระราคาจำเลยก็ไม่ชำระให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้สั่งซื้อกระป่องจากโจทก์ ๓ รายการ รายการละ๑๐๐,๐๐๐ ใบ ราคาใบละ ๒ บาท หลังจากตกลงกันแล้ว วัสดุที่ใช้ทำกระป๋องมีราคาสูงขึ้นมาก โจทก์จึงไม่ยอมส่งกระป๋องให้จำเลยภายในกำหนด จำเลยได้รับกระป๋องจากโจทก์รวม ๔ ครั้งตามฟ้อง แต่เมื่อจำเลยนำไปบรรจุเงาะจำหน่ายลูกค้าจำเลยได้นำมาคืนไม่น้อยกว่า ๗,๒๐๐ ใบ หนี้ค่ากระป๋องยังไม่ถึงกำหนดชำระโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย และจำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระค่าเสียหายที่โจทก์ส่งกระป๋องไม่ครบจำเลยต้องไปหาซื้อจากที่อื่นต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ๑๒๑,๙๘๐ บาท ค่าเสียหายในการที่โจทก์ส่งกระป๋องที่คุณภาพต่ำ ๗,๒๐๐ ใบ คิดเป็นเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๒๐๑,๙๘๐ บาท ขอให้พิพากษายกฟ้องโจทก์และให้โจทก์ชดใช้เงินตามฟ้องแย้งให้จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา และฟังไม่ได้ว่าผลไม้ของจำเลยเสียเพราะกระป๋องของโจทก์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๑๘,๓๘๔ บาท ๕๐ สตางค์ แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยให้ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ให้พิพากษากลับเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องแย้ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระค่าเสียหายจำนวน ๑๒๑,๙๘๐ บาทให้จำเลยโดยให้ศาลชั้นต้นคำนวณเงินที่โจทก์จำเลยจะต้องชำระแก่กันมาหักกลบลบกัน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามใบสั่งซื้อระบุว่าโจทก์มีหน้าที่ต้องส่งกระป๋องรายการที่ ๒ และที่ ๓ ให้จำเลยรายการละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็น ๒๐๐,๐๐๐ ใบภายใน ๔๕ หรือ ๕๐ วัน นับแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๒๑ (ซึ่งเป็นวันสั่งซื้อ) ซึ่งได้แก่ภายในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๒๑ และต้องส่งกระป๋องรายการที่ ๑ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ใบ ให้ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๒๑ โดยมีกำหนดการจ่ายเงินภายใน๑ เดือนโดยวิธีตีเช็ค ๒ เดือน เมื่อในใบสั่งซื้อดังกล่าวที่นายวัฒนากรรมการบริษัทได้ร่วมลงชื่อร่วมกับจำเลยในฐานะเป็นคู่สัญญาด้วยมิได้ระบุว่าให้โจทก์มีสิทธิเรียกเก็บได้แม้โจทก์ยังส่งกระป๋องให้จำเลยไม่ครบจำนวน กรณีก็ย่อมหมายความว่าโจทก์จะต้องส่งกระป๋องรายการที่ ๒ ที่ ๓ ให้จำเลยให้ครบถ้วนจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ใบเสียก่อน โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกเก็บเงินค่ากระป๋องงวดแรกจากจำเลย และเมื่อโจทก์ส่งกระป๋องรายการที่ ๑ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ใบให้จำเลยครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกเก็บเงินงวดที่สองจากจำเลย การที่โจทก์เริ่มส่งกระป๋องรายการที่ ๒ ที่ ๓ ให้จำเลยในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๒๑ จนถึงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ รวม ๔ ครั้งเพียงจำนวน ๕๖,๐๔๐ ใบซึ่งยังไม่ครบจำนวนตามใบสั่งซื้อ โจทก์จึงยังไม่อยู่ในฐานะที่จะใช้สิทธิเรียกให้จำเลยชำระราคาค่ากระป๋องตามใบสั่งซื้อได้ เมื่อจำเลยไม่ชำระราคาให้โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ผิดสัญญา โจทก์จะใช้สิทธิเลิกสัญญาไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยให้ครบจำนวนหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่ส่งกระป๋องให้จำเลยจนครบจำนวน โจทก์จึงตกเป็นผู้ผิดสัญญา
วินิจฉัยเกี่ยวกับค่าเสียหายว่า เมื่อโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญาในกรณีที่ส่งกระป๋องให้จำเลยไม่ครบตามสัญญา โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้จำเลยที่ต้องซื้อกระป๋องจากผู้อื่นในราคาสูงขึ้น โดยกำหนดค่าเสียหายให้ใบละ ๒๐ สตางค์ โจทก์ส่งกระป๋องขาดไป ๒๔๓,๙๐๐ ใบ จึงเป็นค่าเสียหายที่โจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ให้แก่จำเลยเป็นเงิน ๔๘,๗๙๒ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระค่าเสียหายให้จำเลย ๔๘,๗๙๒ บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์