คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3543/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยได้อ้างหนังสือที่ ซ. ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลยเป็นพยานต่อศาลโดยมิชอบเนื่องจากไม่ได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด การที่จำเลยใช้หนังสือดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานจนศาลหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่ทำขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้โจทก์เสียสิทธิในที่ดินไปโดยไม่ชอบ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งว่าหนังสือยกให้เป็นโมฆะ และห้ามมิให้จำเลยใช้อ้างต่อโจทก์หรือบุคคลภายนอก แต่คำฟ้องไม่ปรากฏว่าโจทก์มีส่วนได้เสียในที่ดินที่ ซ. ยกให้จำเลยอย่างไร และการที่จำเลยใช้หนังสือเป็นพยานหลักฐานในคดีทำให้โจทก์เสียสิทธิในที่ดินแปลงนี้ไปเพราะเหตุใดซึ่งจะเป็นเหตุให้โจทก์มีอำนาจฟ้องตาม ป.วิพ. มาตรา 55 การกระทำของจำเลยไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่มีกฎหมายใดสนับสนุนให้ทำได้ และเมื่อคำฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่มีเหตุที่จะรับไว้พิจารณาและชอบที่จะยกฟ้องเสียได้ในชั้นตรวจคำฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางเซี้ย ศรีรัฐ ได้ทำหนังสือยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่กรมรถไฟ แต่หนังสือฉบับดังกล่าวเป็นนิติกรรมที่มิได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในหนังสือขึ้นภายหลังโดยไม่มีการลงชื่อกำกับ ไม่มีการลงเลขรับหนังสือหรือออกหนังสือไว้เป็นสำคัญ พยานที่ลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของนางเซี้ยในหนังสือมีไม่ครบ 2 คน ทั้งที่ดินที่ ซ. ยกให้ดังกล่าวเป็นที่ดินมรดกซึ่งทายาทอื่นไม่ได้ยินยอมในขณะทำนิติกรรมด้วย และการยกให้มิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน หนังสือยกให้กรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามหนังสือฉบับดังกล่าวไม่มีสิทธินำหนังสือไปใช้อ้างอิงเป็นพยานต่อศาล ต่อบุคคลภายนอกและผู้มีส่วนได้เสียหรือต่อโจทก์ แต่จำเลยได้อ้างหนังสือฉบับดังกล่าวเป็นพยานต่อศาลในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 125/2538 ของศาลจังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2540 เป็นเหตุให้ศาลเข้าใจผิดหลงเชื่อว่าเป็นหนังสือที่ทำขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยดังกล่าวทำให้โจทก์เสียหายเสียสิทธิในที่ดินไปโดยไม่ชอบ ขอให้มีคำสั่งว่าหนังสือยกให้กรรมสิทธิ์ที่ดินของนางเซี้ย ศรีรัฐ ฉบับลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2491 หรือเอกสาร หมาย ป.ล.37 ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 125/2538 หมายเลขแดงที่ 211/2541 ของศาลจังหวัดพังงา เป็นโมฆะ ห้ามจำเลยใช้หนังสือฉบับดังกล่าวอ้างต่อโจทก์หรือบุคคลภายนอก
ศาลชั้นต้น เห็นว่า ตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิโจทก์อย่างไร ทั้งยังปรากฏว่าศาลจังหวัดพังงารับฟังว่าเอกสารที่โจทก์ขอให้เพิกถอน (ที่ถูกขอให้มีคำสั่งว่าเป็นโมฆะ) ได้ทำขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 211/2541 ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับในคดีนี้ การฟ้องคดีนี้จึงเป็นการพิจารณาซ้ำกับคดีดังกล่าว จึงให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาขอให้รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณานั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยได้อ้างหนังสือที่นางเซี้ย ศรีรัฐ ยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่จำเลยเป็นพยานต่อศาลในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 125/2538 ของศาลจังหวัดพังงาโดยมิชอบเนื่องจากหนังสือฉบับดังกล่าวไม่ได้ทำตามแบบที่กฎหมายกำหนด เช่น มีการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในหนังสือฉบับดังกล่าวขึ้นภายหลังโดยไม่มีการลงชื่อกำกับ มีการนำกระดาษมาใช้ในส่วนราชการของจำเลยโดยไม่มีการลงเลขรับรองหนังสือหรือออกหนังสือไว้เป็นสำคัญ พยานที่ลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของนางเซี้ยในหนังสือมีไม่ครบ 2 คน ที่ดินที่ยกให้แก่จำเลยเป็นที่ดินมรดกซึ่งนางเซี้ยทำไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาทอื่น และการยกให้ไม่ได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานที่ดิน หนังสือยกให้กรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ จำเลยไม่มีสิทธินำไปใช้อ้างอิงเป็นพยานต่อศาล ต่อบุคคลภายนอกและผู้มีส่วนได้เสียหรือต่อโจทก์ การที่จำเลยใช้หนังสือดังกล่าวอ้างอิงเป็นพยานหลักฐานจนศาลหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่ทำขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้โจทก์เสียสิทธิในที่ดินไปโดยไม่ชอบ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งว่าหนังสือยกให้กรรมสิทธิ์ที่ดินของนางเซี้ยเป็นโมฆะ และห้ามมิให้จำเลยใช้หนังสือฉบับดังกล่าวอ้างต่อโจทก์หรือบุคคลภายนอก แต่คำฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่าโจทก์มีส่วนได้เสียในที่ดินที่นางเซี้ยทำหนังสือยกให้จำเลยอย่างไร และการที่จำเลยใช้หนังสือฉบับดังกล่าวอ้างอิงเป็นพยานหลักฐานในคดีนั้นทำให้โจทก์เสียสิทธิในที่ดินแปลงนี้ไปเพราะเหตุใด ซึ่งจะเป็นเหตุให้โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 การกระทำของจำเลยตามคำฟ้องของโจทก์จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ห้ามมิให้จำเลยนำหนังสือฉบับดังกล่าวไปใช้อ้างอิง ตลอดจนขอให้ศาลมีคำสั่งว่าหนังสือฉบับดังกล่าวตกเป็นโมฆะเนื่องจากทำโดยไม่ชอบเพราะไม่มีกฎหมายใดสนับสนุนให้ทำได้ และเมื่อคำฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นนี้ก็ไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะรับไว้พิจารณาและชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ในชั้นตรวจคำฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share