คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3542/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องคดีขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่ปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ายืนตามคำสั่งของนายทะเบียน การใช้สิทธิทางศาล ในกรณี เช่นนี้ ไม่มีบทบัญญัติใดใน พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 หรือในกฎหมายอื่นใด บัญญัติให้โจทก์ต้องใช้สิทธิทางศาลหรือฟ้องคดี ภายใน 90 วัน นับแต่วันทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นฟ้องภายหลังกำหนดดังกล่าวได้โดยไม่จำเป็นต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลขยายกำหนดระยะเวลาให้แต่อย่างใด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ” กลุ่มสี่ประดิษฐ์” ในประเทศไทยต่อจำเลยที่ ๑ แต่นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าพิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยยืนตามคำสั่งของนายทะเบียนที่ปฏิเสธไม่ยอมรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โดยแจ้งคำวินิจฉัยให้โจทก์ทราบเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๔ โจทก์ยื่นคำฟ้องฉบับลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๔ ขอให้เพิกถอนคำสั่งของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า กับให้นายทะเบียนเครื่องหมายการค้ารับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า “กลุ่มสี่ประดิษฐ์” ของโจทก์แต่เจ้าหน้าที่รับฟ้องปฏิเสธไม่ยอมรับคำฟ้องของโจทก์ โดยอ้างว่าหมดเวลาราชการแล้ว
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง มีคำสั่งให้งดการไต่สวน และยกคำร้องของโจทก์ และสั่งไม่รับคำฟ้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง วินิจฉัยว่า แม้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าที่ปฏิเสธไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ยืนตามคำสั่งของนายทะเบียนจะเป็นที่สุดตาม มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ แต่โจทก์ก็มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยนั้นได้ และการใช้สิทธิทางศาลในกรณี เช่นนี้ ไม่มีบทบัญญัติใดในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ หรือ ในกฎหมายอื่นใด บัญญัติให้โจทก์ ต้องใช้สิทธิทางศาลหรือ ฟ้องคดีภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้า ดังนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นฟ้องคดีนี้ในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๔ หรือวันใดวันหนึ่งหลังจากวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๔ ก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลขยายกำหนดระยะเวลายื่นคำฟ้องแต่อย่างใด ดังนั้น การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง มีคำสั่งว่า โจทก์ยื่นคำฟ้องในวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๔ เมื่อพ้นเวลาราชการ จึงไม่อาจมีคำสั่งให้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ได้นั้น จึงชอบแล้ว ศาลฎีกาแผนกทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเห็นพ้องด้วย เมื่อคำฟ้องของโจทก์คดีนี้อาจยื่นในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๔ หรือวันถัดไปวันใดวันหนึ่งก็ได้ดังที่ได้วินิจฉัยมาแล้ว ทั้งโจทก์ก็ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ ในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๔ แม้คำฟ้องของโจทก์จะลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๔ ก็ต้องถือว่า โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาล ในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๔ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจึงชอบที่จะมีคำสั่ง รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องขอโจทก์ที่ได้ยื่นในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๔ จึงไม่ชอบ
พิพากษายกคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ไม่รับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา แล้วให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาสั่งคำฟ้องของโจทก์ใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.

นายไมตรี สุเทพกุล ผู้ช่วย
นายเอก ขำอินทร์ ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายไมตรี ศรีอรุณ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share