แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามประกาศคณะกรรมการประกันสังคมฯ ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอลดส่วนและการพิจารณาหักส่วนลดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลนายจ้างและลูกจ้างจะต้องส่งเข้ากองทุนประกันสังคม โดยให้พิจารณาเปรียบเทียบระหว่างสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้างกับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ โดยให้คะแนน 3 ระดับ คือ 0,-1,+1 ผลลัพธ์การให้คะแนน ถ้าได้คะแนน 0 และ -1 หมายถึงนายจ้างไม่ได้รับการลดส่วนอัตราเงินสมทบถ้าได้คะแนน +1 หมายถึงนายจ้างได้รับการลดส่วนอัตราเงินสมทบ และตามประกาศของคณะกรรมการประกันสังคมดังกล่าวได้ระบุเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ หรือปัจจัยที่ใช้พิจารณาให้คะแนนในเรื่องสวัสดิการกรณีเจ็บป่วยแบ่งเป็น 9 หัวข้อ โดยใน 8 หัวข้อโจทก์ได้คะแนนรวมเท่ากับ 0 ส่วนหัวข้อเกี่ยวกับระยะเวลาที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลนั้นตามประกาศสำนักงานประกันสังคมมีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนครั้งในกรณีฉุกเฉินแต่ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะเวลาการรักษาพยาบาล ส่วนระเบียบของโจทก์ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนครั้ง แต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะเวลาการรักษาพยาบาล ถือได้ว่าสวัสดิการเกี่ยวกับระยะเวลาที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์จัดให้อยู่ในระดับเดียวกับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ สมควรได้คะแนน 0 เมื่อรวมคะแนนกับอีก 8 หัวข้อ คิดเป็นคะแนนรวมทั้งสิ้นเท่ากับ 0 จึงถือว่าสวัสดิการที่โจทก์จัดให้พนักงานอยู่ในระดับเดียวกับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคมฯโจทก์จึงไม่ได้รับการลดส่วนอัตราเงินสมทบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ รส 0704/1135 ฉบับลงวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2542 และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ 1/2543 ฉบับลงวันที่ 13มกราคม 2543
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 2 ที่ รส 0704/1135ฉบับลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2542 และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ 1/2543ฉบับลงวันที่ 13 มกราคม 2543 และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ไปแล้ว อุทธรณ์เฉพาะของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ข้อ 2.1 ว่า มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 2 ที่ รส 0704/1135 ฉบับลงวันที่ 15กุมภาพันธ์ 2542 และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ 1/2543 ฉบับลงวันที่ 13มกราคม 2543 ตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางหรือไม่ ปรากฏว่าตามประกาศคณะกรรมการประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลดส่วนอัตราเงินสมทบเกี่ยวกับประโยชน์ทดแทนกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพกรณีคลอดบุตร และกรณีตาย พ.ศ. 2534 ตามเอกสารหมาย ล.6 กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการขอลดส่วนและการพิจารณาหักส่วนลดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลนายจ้าง และลูกจ้างจะต้องส่งเข้ากองทุนประกันสังคมโดยให้พิจารณาเปรียบเทียบระหว่างสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้แก่ลูกจ้างกับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 โดยให้คะแนน 3 ระดับ คือ คะแนน 0 หมายถึงสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้อยู่ในระดับเดียวกับประโยชน์ทดแทน คะแนน -1 หมายถึงสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้อยู่ในระดับต่ำกว่าประโยชน์ทดแทน และคะแนน +1 หมายถึงสวัสดิการที่นายจ้างจัดให้อยู่ในระดับสูงกว่าประโยชน์ทดแทน ผลลัพธ์การให้คะแนนถ้าได้คะแนน0 และ -1 หมายถึง นายจ้างไม่ได้รับการลดส่วนอัตราเงินสมทบ ถ้าได้คะแนน +1หมายถึงนายจ้างได้รับการลดส่วนอัตราเงินสมทบ และตามประกาศคณะกรรมการประกันสังคมดังกล่าวได้ระบุเกี่ยวกับหลักเกณฑ์หรือปัจจัยที่ใช้พิจารณาให้คะแนนในเรื่องสวัสดิการกรณีเจ็บป่วยแบ่งเป็น 9 หัวข้อ คือ จำนวนเงินค่ารักษาพยาบาล ระยะเวลาที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลขอบข่ายการให้ความคุ้มครอง การครอบคลุมถึงโรคเรื้อรังการยกเว้นโรคที่เป็นอยู่ก่อน วิธีการจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล ระยะเวลารอการมีสิทธิผู้จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลและเงินทดแทนการขาดรายได้ ศาลแรงงานกลางพิจารณาตามหลักเกณฑ์การให้คะแนนในการลดส่วนอัตราเงินสมทบตามประกาศของจำเลยที่ 1ทุกหัวข้อแล้วปรากฏว่าใน 8 หัวข้อ โจทก์ได้คะแนนรวมเท่ากับ 0 คงมีปัญหาอีกเพียง 1 หัวข้อคือ ระยะเวลาที่จ่ายค่ารักษาพยาบาล ตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ว่า โจทก์สมควรได้คะแนนในหัวข้อนี้เพียงใด เห็นว่า ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ตามระเบียบของโจทก์พนักงานสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลเอกชนได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ส่วนตามประกาศของจำเลยที่ 1 แม้ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่จำกัดจำนวนเงินค่ารักษาพยาบาล แต่ในกรณีฉุกเฉินและผู้ประกันตนไม่สามารถไปรับบริการทางการแพทย์จากสถานพยาบาลที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดได้ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เพียงระยะเวลา 72 ชั่วโมง ปีละไม่เกิน 2 ครั้ง และในกรณีอุบัติเหตุแม้จะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ก็เบิกได้เพียงระยะเวลา 72 ชั่วโมง ตามประกาศสำนักงานประกันสังคม เอกสารหมาย ล.3 ข้อ 4.1 และ 4.2 ซึ่งการมีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนครั้งและระยะเวลาการรักษาพยาบาลของผู้ประกันตนดังกล่าว แสดงว่าสวัสดิการเกี่ยวกับระยะเวลาที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์กำหนดอยู่ในระดับสูงกว่าประโยชน์ทดแทนตามประกาศของจำเลยที่ 1 นั้น ปรากฏว่าตามประกาศฉบับเดียวกัน ข้อ 6ได้กำหนดผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลอื่นต่อผู้ประกันตนไว้ว่าให้สถานพยาบาลที่กำหนดไว้ในบัตรรับรองสิทธิเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลอื่นที่ทำการรักษาผู้ประกันตนไว้ ซึ่งเป็นการรองรับค่าใช้จ่ายของผู้ประกันตนจากข้อ 4.1 และ 4.2 โดยไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งและระยะเวลาการรักษาพยาบาลในกรณีอุบัติเหตุ แม้จะมีการจำกัดจำนวนครั้งคือปีละไม่เกิน 2 ครั้ง ในกรณีผู้ประกันตนเข้ารับบริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลอื่นเนื่องจากเหตุฉุกเฉินตามข้อ 4.1 ซึ่งไม่ได้รับการยกเว้นตามข้อ 6 ของประกาศดังกล่าวให้สถานพยาบาลที่กำหนดในบัตรรับรองสิทธิเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของการรักษาพยาบาลที่เกินกว่าปีละ 2 ครั้งไว้ด้วยก็ตาม แต่ตามระเบียบของโจทก์ เอกสารหมาย จ.2 ชุดที่ 3 ข้อ 10 ก็ระบุว่าให้เบิกค่ารักษาพยาบาลตามที่กำหนดไว้ได้สำหรับระยะเวลาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เข้ารับการรักษาพยาบาล ในกรณีที่เข้ารับการรักษาพยาบาลเกิน 30 วัน ให้เบิกได้ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่ได้จ่ายไปจริง แต่ต้องไม่เกินวันละ100 บาท ในกรณีที่เข้ารับการรักษาพยาบาลหลายครั้ง แต่ละครั้งในระยะเวลาห่างกันไม่เกิน 15 วัน ให้นับระยะเวลาเข้ารับการรักษาพยาบาลครั้งหลังติดต่อกับการเข้ารับการรักษาพยาบาลในครั้งก่อน ซึ่งตามประกาศสำนักงานประกันสังคมมิได้มีข้อจำกัดดังกล่าวแต่อย่างใด จึงเห็นได้ว่าประกาศสำนักงานประกันสังคมมีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนครั้งในกรณีฉุกเฉินแต่ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะเวลาการรักษาพยาบาล ส่วนระเบียบของโจทก์ไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนครั้ง แต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับระยะเวลาการรักษาพยาบาลเมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วถือได้ว่าสวัสดิการเกี่ยวกับระยะเวลาที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลที่โจทก์จัดให้อยู่ในระดับเดียวกับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคมพ.ศ. 2533 สมควรได้คะแนน 0 เมื่อรวมคะแนนกับอีก 8 หัวข้อ ซึ่งมีคะแนนรวมเท่ากับ 0ดังกล่าวข้างต้นแล้ว คิดเป็นคะแนนรวมทั้งสิ้นเท่ากับ 0 จึงต้องถือว่าสวัสดิการที่โจทก์จัดให้พนักงานอยู่ในระดับเดียวกับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัติประกันสังคมพ.ศ. 2533 โจทก์จึงไม่ได้รับการลดส่วนอัตราเงินสมทบ คำสั่งของจำเลยที่ 2ที่ รส 0704/1135 ฉบับลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2542 และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ที่ 1/2543 ฉบับลงวันที่ 13 มกราคม 2543 ชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลาง อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังขึ้น กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยที่ 2 ที่ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 หรือไม่ ต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องเสียทั้งหมด