คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2420/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยนำสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อผลิตส่งออก โดยยื่นใบขนสินค้าและแบบแสดงรายการการค้าเพื่อใช้สิทธิขอคืนภาษีอากร แต่จำเลยปฏิบัติผิดเงื่อนไข จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติ และมีหน้าที่ประเมินภาษีด้วยตนเอง ตามวิธีการและตามเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายแล้วยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีอากรตามจำนวนที่พึงต้องชำระ หากจำเลยประเมินไม่ถูกต้อง เจ้าพนักงานของโจทก์ทั้งสองตรวจพบก็จะทำการประเมินใหม่และมีอำนาจประเมินให้จำเลยต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มได้ด้วย ดังนั้นการเสียภาษีจึงมิได้เกิดจากข้อสัญญาระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลย โจทก์ทั้งสองเป็นเพียงผู้ตรวจสอบการเสียภาษีของจำเลยเท่านั้น ถึงแม้จะใช้เวลาตรวจสอบเนิ่นนานไปก็มิใช่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้ชำระภาษีอากรและเงินเพิ่มแก่โจทก์ทั้งสอง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า ระหว่างเดือนตุลาคม 2534 ถึงเดือนเมษายน2536 จำเลยนำสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อผลิตส่งออก โดยยื่นใบขนสินค้าและแบบแสดงรายการการค้าเพื่อใช้สิทธิขอคืนภาษีอากร พร้อมทั้งได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารมาวางแทนการชำระภาษีอากรต่อโจทก์ที่ 1 หลังจากจำเลยรับสินค้าไปแล้ว ต่อมาปรากฏว่าจำเลยมิได้นำสินค้าที่นำเข้าดังกล่าวไปผลิตเป็นสินค้าและส่งออกภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันนำเข้า เป็นการปฏิบัติผิดเงื่อนไข จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินค่าภาษีอากรและเงินเพิ่มตามกฎหมายให้แก่โจทก์ทั้งสอง พนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 ประเมินค่าภาษีอากรส่งแบบแจ้งการประเมินให้จำเลยทราบและให้นำเงินมาชำระแต่จำเลยเพิกเฉย จึงแจ้งให้ธนาคารผู้ค้ำประกันรับผิดชำระเงินแทน ซึ่งธนาคารก็ได้จัดการชำระเงินแล้วและพนักงานเจ้าหน้าที่ของโจทก์ที่ 1 นำไปหักชำระค่าภาษีอากรได้บางส่วนคงเหลือหนี้ค่าภาษีอากรและเงินเพิ่มคิดคำนวณถึงวันฟ้องที่จำเลยต้องรับผิดชำระแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงินทั้งสิ้น 188,583.15 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 188,583.15 บาทและเงินเพิ่มอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของต้นเงินอากรขาเข้าค้างชำระนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในข้อแรกว่า พฤติการณ์ตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองประกอบกับเอกสารที่โจทก์ทั้งสองส่งศาลเป็นกรณีที่ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตามที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยหรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องของโจทก์ทั้งสองว่า จำเลยนำของเข้ามาในราชอาณาจักรสองครั้งตามใบขนสินค้าเลขที่ 10431093 และเลขที่ 010200560099 และ แสดงความประสงค์จะขอคืนภาษีอากรตามมาตรา 19 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 โดยใช้วิธีค้ำประกันค่าภาษีอากรตามมาตรา 19 ตรี แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 แต่ปรากฏว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 19 ทวิ กล่าวคือจำเลยมิได้นำของที่นำเข้ามาใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปภายใน 1 ปี นับแต่วันนำเข้าเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 19 ทวิต่อมาโจทก์ที่ 1 ตรวจพบจึงได้ประเมินราคาสินค้าและแจ้งการประเมินให้จำเลยทราบแล้ว เมื่อ พ.ศ. 2539 และ พ.ศ. 2540 ตามลำดับ แต่จำเลยมิได้เสียภาษีตามที่โจทก์ที่ 1 ประเมิน เห็นว่า การเสียภาษีของจำเลยดังกล่าวเป็นการเสียภาษีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และจำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องเป็นผู้ประเมินภาษีด้วยตนเอง ตามวิธีการและตามเวลาที่กำหนดไว้ในกฎหมายแล้ว ยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีอากรตามจำนวนที่พึงต้องชำระหากจำเลยประเมินไม่ถูกต้อง เจ้าพนักงานของโจทก์ทั้งสองตรวจพบก็จะทำการประเมินใหม่และมีอำนาจประเมินให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เสียภาษีต้องรับผิดชำระเงินเพิ่ม นอกเหนือจากภาษีอากรตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายได้ด้วย ดังนั้นการเสียภาษีจึงมิได้เกิดจากข้อสัญญาระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลย โจทก์ทั้งสองเป็นเพียงผู้ตรวจสอบการเสียภาษีของจำเลยเท่านั้นถึงแม้ว่าโจทก์ทั้งสองจะใช้เวลาตรวจสอบเนิ่นนานไป ในกรณีนี้ก็ยังไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์ทั้งสองใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เพราะจำเลยมีหน้าที่จะต้องเสียภาษีให้ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้และเมื่อเสียภาษีไม่ถูกต้องก็จะต้องชำระเงินเพิ่มตามกฎหมายอีกด้วย ที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งสองใช้สิทธิโดยไม่สุจริตนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในข้อนี้ฟังขึ้น สำหรับปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิจะได้รับชำระหนี้ค่าภาษีอากรที่ค้างหรือไม่ และเป็นจำนวนเท่าใดนั้น เห็นว่า แม้คดีนี้ จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การและโจทก์ทั้งสองได้ส่งเอกสารให้แก่ศาลแล้วก็ตาม แต่ศาลภาษีอากรกลางยังมิได้พิจารณาและวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาเป็นไปตามลำดับชั้นศาล จึงเห็นสมควรให้ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาในปัญหานี้ แล้ว พิพากษาใหม่ตามรูปคดี”

พิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินกระบวนพิจารณาคดีตั้งแต่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share