แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อไม่ปรากฏว่ามีสัญญาหรือมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ห้ามโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งของโจทก์ทั้งหกแม้ตามสำเนาใบสมัครงานของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 3และโจทก์ที่ 5 จะระบุว่าโจทก์ที่ 1 สมัครทำงานในตำแหน่งพนักงานห้องซักผ้า โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 3 และโจทก์ที่ 5สมัครทำงานในตำแหน่งพนักงานซักรีดผ้าเครื่องใหญ่ก็ตามก็เป็นเรื่องโจทก์แสดงความประสงค์จะทำงานในตำแหน่งดังกล่าว เท่านั้น และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ประกาศรับสมัครพนักงาน ในตำแหน่งดังกล่าว เมื่อจำเลยรับโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3และที่ 5 เข้าทำงานและให้ทำงานในตำแหน่ง พนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่ ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำสัญญา ว่าจะให้โจทก์ทั้งสี่ดังกล่าวทำงานในตำแหน่ง พนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่อย่างเดียว เช่นเดียวกับเมื่อจำเลย รับโจทก์ที่ 4 และโจทก์ที่ 6 เข้าทำงาน โดยเฉพาะ โจทก์ที่ 4 และโจทก์ที่ 6 นั้นเมื่อสมัครเข้าทำงานกับจำเลย ก็มิได้ระบุว่าจะขอทำงานในตำแหน่งใดแผนกใด ดังนี้ การที่จำเลยจะรับโจทก์ทั้งหกเข้าทำงานและให้ทำงานในตำแหน่ง พนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่ตลอดมา ก็ไม่เป็นการผูกมัดจำเลย ว่าจะต้องให้โจทก์ทั้งหกทำงานในตำแหน่งพนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่ตลอดไป นอกจากนี้ งาน ใน ตำแหน่งรีดผ้าเครื่องใหญ่แผนกห้องผ้าหรือซักรีด และงานตำแหน่งพนักงานทำความสะอาด แผนกทำความสะอาด ต่างก็อยู่ในระดับเดียวกัน และเป็นงานที่ไม่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถเป็นพิเศษ พนักงานในแผนกหนึ่งย่อมสามารถสับเปลี่ยน ไป ทำงานในอีกแผนกหนึ่งได้ และเหตุที่จำเลยย้ายโจทก์ ไปอยู่แผนกทำความสะอาดก็เพราะพนักงานรีดผ้า โดยเครื่องรีดและพับผ้าอัตโนมัติที่จำเลยติดตั้งใหม่ ไม่ต้องใช้ความชำนาญมากดังแต่ก่อน และเป็นเรื่องที่จำเลย จัดการบริหารงานบุคคลเพื่อลดค่าใช้จ่ายของจำเลย ส่วนค่าจ้างและผลประโยชน์ต่าง ๆ ของโจทก์ทั้งหก เมื่อย้ายไปอยู่แผนกทำความสะอาดก็มิได้ลดลงกว่าเดิม ทั้งจำเลยย้ายโจทก์ทั้งหกไปอยู่แผนกทำความสะอาดนี้ มิได้เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งหก การที่จำเลย ย้ายโจทก์ทั้งหกจากแผนกห้องผ้าหรือซักรีดไปอยู่แผนกทำความสะอาดจึงไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนสภาพการจ้างของโจทก์ทั้งหก จำเลยผู้เป็นนายจ้างจึงมีอำนาจกระทำได้
ย่อยาว
คดีทั้งหกสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาด้วยกัน โดยให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 6
โจทก์ทั้งหกสำนวนฟ้องว่า โจทก์ทั้งหกเป็นลูกจ้างของจำเลยโดยสมัครทำงานตำแหน่งพนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่ แผนกห้องผ้า ต่อมาวันที่ 11 และ 25 มกราคม 2536 จำเลยมีคำสั่งย้ายโจทก์ทั้งหกไปทำงานตำแหน่งพนักงานทำความสะอาดทั่วไปแผนกแม่บ้าน อันเป็นคำสั่งที่เปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างโดยมิชอบด้วยกฎหมายและผิดสัญญาจ้าง เพราะเป็นงานที่มีลักษณะต่ำกว่าที่ทำอยู่เดิม โจทก์ทั้งหกได้รับความอับอายและทุกขเวทนาทางใจ ขอให้จำเลยเพิกถอนคำสั่งย้ายตำแหน่งหน้าที่และให้โจทก์ทั้งหกกลับทำงานตำแหน่งเดิม โดยให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งหก รายละ 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งหกสำนวนให้การว่า จำเลยหมุนเวียนหน้าที่ของโจทก์ทั้งหกจากแผนกหนึ่งไปยังแผนกหนึ่ง ซึ่งเป็นงานในระดับเดียวกันรายได้ไม่ต่ำกว่าเดิมซึ่งเป็นอำนาจในการจัดการบริหารงานของจำเลย และไม่ขัดต่อสัญญาจ้าง ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและข้อบังคับการทำงาน การหมุนเวียนหน้าที่ของโจทก์ทั้งหกดังกล่าวไม่ทำให้โจทก์ทั้งหกเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์ว่าจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธว่าโจทก์ทั้งหกสมัครงานกับจำเลยในตำแหน่งหน้าที่พนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่ และจำเลยตกลงรับโจทก์เข้าทำงานในหน้าที่ดังกล่าว โจทก์ทั้งหกทำงานในตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่ต้นไม่เคยถูกโยกย้ายตำแหน่งหน้าที่ ตำแหน่งหน้าที่การทำงานของโจทก์ทั้งหกย่อมเป็นสภาพการจ้าง คำสั่งย้ายตำแหน่งหน้าที่โจทก์ทั้งหกจึงเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบและโจทก์ทั้งหกได้รับความเสียหาย พิเคราะห์แล้วเห็นว่าศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าไม่ปรากฏว่ามีสัญญาหรือมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ห้ามโยกย้ายสับเปลี่ยนตำแหน่งของโจทก์ทั้งหกแม้ตามสำเนาใบสมัครงานของโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 3 และโจทก์ที่ 5 จะระบุว่าโจทก์ที่ 1 สมัครทำงานในตำแหน่งพนักงานห้องซักผ้า โจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 3 และโจทก์ที่ 5 สมัครทำงานในตำแหน่งพนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่ก็ตาม ก็เป็นเรื่องโจทก์แสดงความประสงค์จะทำงานในตำแหน่งดังกล่าวเท่านั้น ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ประกาศรับสมัครพนักงานในตำแหน่งดังกล่าวเมื่อจำเลยรับโจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 เข้าทำงานและให้ทำงานในตำแหน่งพนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่ ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทำสัญญาว่าจะให้โจทก์ทั้งสี่ดังกล่าวทำงานในตำแหน่งพนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่อย่างเดียว เช่นเดียวกับเมื่อจำเลยรับโจทก์ที่ 4และโจทก์ที่ 6 เข้าทำงานโดยเฉพาะโจทก์ที่ 4 และโจทก์ที่ 6 นั้นเมื่อสมัครเข้าทำงานกับจำเลยก็มิได้ระบุว่าจะขอทำงานในตำแหน่งใดแผนกใด ดังนี้ การที่จำเลยจะรับโจทก์ทั้งหกเข้าทำงานและให้ทำงานในตำแหน่งพนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่ตลอดมา ก็เป็นการผูกมัดจำเลยว่าจะต้องให้โจทก์ทั้งหกทำงานในตำแหน่งพนักงานรีดผ้าเครื่องใหญ่ตลอดไป นอกจากนี้งานในตำแหน่งรีดผ้าเครื่องใหญ่แผนกห้องผ้าหรือซักรีดและงานตำแหน่งพนักงานทำความสะอาด แผนกทำความสะอาด ต่างก็ใช้พนักงานระดับ 7 ซึ่งเป็นพนักงานระดับต่ำสุดของจำเลยและเป็นพนักงานที่ใช้ฝีมือน้อยที่สุด แสดงว่างานของทั้งสองแผนกอยู่ในระดับเดียวกัน และเป็นงานที่ไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถเป็นพิเศษ พนักงานในแผนกหนึ่งย่อมสามารถสับเปลี่ยนไปทำงานในอีกแผนกหนึ่งได้ เหตุที่จำเลยย้ายโจทก์ไปอยู่แผนกทำความสะอาดก็เพราะพนักงานรีดผ้าโดยเครื่องรีดและพับผ้าอัตโนมัติที่จำเลยติดตั้งใหม่ไม่ต้องใช้ความชำนาญมากดังแต่ก่อน และมีพนักงานจากบริษัทอื่นรับจ้างจำเลยทำหน้าที่ดังกล่าวโดยจำเลยเสียค่าจ้างเพียงคนละ 3,000 บาท ถึง 4,000 บาท ต่อเดือน ส่วนโจทก์ทั้งหกรับเงินเดือนเฉลี่ยต่ำสุด 6,000 บาท สูงสุด 12,000 บาท เห็นได้ว่า เป็นเรื่องที่จำเลยจัดการบริหารงานบุคคลเพื่อลดค่าใช้จ่ายของจำเลย ส่วนค่าจ้างและผลประโยชน์ต่าง ๆ ของโจทก์ทั้งหกเมื่อย้ายไปอยู่แผนกทำความสะอาดก็มิได้ลดลงกว่าเดิม ทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงที่ส่อแสดงให้เห็นว่า ที่จำเลยย้ายโจทก์ทั้งหกไปอยู่แผนกทำความสะอาดนี้เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งหกจากข้อเท็จจริงต่าง ๆ ดังได้กล่าวมา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยย้ายโจทก์ทั้งหกจากแผนกห้องผ้าหรือซักรีดไปอยู่แผนกทำความสะอาดนั้น ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนสภาพการจ้างของโจทก์ทั้งหก จำเลยมีอำนาจกระทำได้ ไม่ถือว่าโจทก์ทั้งหกได้รับความเสียหาย
พิพากษายืน