แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิดเมื่อวันที่10 มีนาคม 2525 เวลากลางวันโดยร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจปลอม ด้วยการกรอกข้อความเท็จลงในใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อ เป็นผู้มอบอำนาจไว้แล้วซึ่งถือว่า เป็นวันเวลาเกิดเหตุส่วนโจทก์ จะลงชื่อในใบมอบอำนาจดังกล่าวเมื่อใดและมอบให้จำเลยที่ไหน เมื่อวันเวลาใดนั้นมิใช่วันเวลาที่จำเลยกับพวกกระทำผิดจึงหาใช่สาระสำคัญไม่โจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ในฟ้องฟ้องของโจทก์ ย่อมสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157,264 และ 268
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ให้ประทับฟ้อง
ก่อนวันสืบพยานโจทก์ โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลอนุญาต
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคสอง, มาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 ลงโทษจำเลยที่ 1ตามมาตรา 268 วรรคสอง ให้จำคุก จำเลยที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 264 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุก
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ฎีกาข้อกฎหมายว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องมีใจความว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2525 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันทำหนังสือมอบอำนาจปลอมโดยกรอกข้อความเท็จลงในใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจไว้แล้ว แต่ยังไม่มีการกรอกข้อความใด ๆ เพื่อให้จำเลยที่ 1 ไปทำการจดทะเบียนจำนองบ้านกับธนาคารโดยกรอกข้อความเป็นว่าโจทก์ยกสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 ตามคำบรรยายฟ้องดังกล่าวเห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันกระทำผิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2525เวลากลางวัน โดยกรอกข้อความเท็จลงในใบมอบอำนาจที่โจทก์ลงลายมือชื่อเป็นผู้มอบอำนาจไว้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นวันเวลาเกิดเหตุ ส่วนโจทก์จะลงชื่อในใบมอบอำนาจดังกล่าวเมื่อใด และมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ที่ไหน เมื่อวันเวลาใดนั้นมิใช่วันเวลาที่จำเลยกับพวกกระทำผิดจึงหาใช่สาระสำคัญแต่ประการใดไม่ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ในฟ้อง ฟ้องโจทก์ก็สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ทั้งจำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 จริง หนังสือมอบอำนาจไม่ปลอมแสดงว่าจำเลยที่ 1เข้าใจฟ้องของโจทก์ได้ดีอยู่แล้ว มิได้หลงต่อสู้แต่อย่างใด ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
พิพากษายืน