แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุจำเลยอยู่ในกลุ่มของพวกที่ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและขณะเกิดเหตุจำเลยนั่งอยู่กับพวกที่โต๊ะใกล้ห้องน้ำที่เกิดเหตุถือเสื้อให้เพื่อนที่เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราและเพื่อดูเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแจ้งเหตุร้ายแก่ผู้กระทำผิดถือได้ว่าจำเลยร่วมกระทำผิดแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 310, 91, 83
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 310 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง, 310 ลงโทษตามมาตรา 276 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุพวกของจำเลยคนหนึ่งได้ฉุดผู้เสียหายเข้าไปกักขังในห้องน้ำ แล้วใช้กำลังกายทำร้ายขู่เข็ญบังคับและทำการข่มขืนกระทำชำเรา ขณะนั้นมีจำเลยกับพวกคอยอยู่หน้าห้องน้ำ เมื่อพวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเรา ขณะนั้นมีจำเลยกับพวกคอยอยู่หน้าห้องน้ำ เมื่อพวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเราเสร็จแล้ว พวกของจำเลยและจำเลยที่ 1 ได้ผลัดเปลี่ยนกันเข้าข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีกหลายคน ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 2 อยู่ในกลุ่มของพวกจำเลยที่ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และขณะที่เกิดเหตุจำเลยที่ 2 นั่งอยู่กับพวกที่โต๊ะใกล้ห้องน้ำที่เกิดเหตุถือเสื้อให้เพื่อนที่เข้าไปข่มขืนกระทำชำเรา เมื่อเห็นตำรวจจำเลยที่ 2ได้วิ่งหนีไปด้วย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าขณะที่พวกของจำเลยและจำเลยที่ 1ข่มขืนกระทำชำเรา จำเลยที่ 2 นั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ห้องน้ำที่เกิดเหตุเพื่อดูเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแจ้งเหตุร้ายแก่ผู้กระทำผิดถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดแล้ว
พิพากษายืน