คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3534/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาที่ผู้ร้องทั้งสองซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างตึกแถวทำกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินไม่มีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาให้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวยังคงเป็นของผู้ร้องทั้งสอง กรรมสิทธิ์ในตึกแถวย่อมตกเป็นของจำเลยที่ 2 ทันทีเมื่อก่อสร้างเสร็จ เนื่องจากเป็นส่วนควบกับที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 วรรคสอง เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาบังคับคดีเพื่อชำระหนี้โจทก์ได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ยึดที่ดินของจำเลยที่ ๒ พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่จำนองไว้แก่โจทก์ออกขายทอดตลาด หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองชำระหนี้จนครบ แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวพร้อมตึกแถวที่ปลูกสร้างอยู่ในที่ดิน
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ตึกแถวที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้นเป็นของผู้ร้องทั้งสอง โดยผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้ก่อสร้างตามสัญญาระหว่างจำเลยที่ ๒ กับผู้ร้องทั้งสอง กรรมสิทธิ์ในตึกแถวจะโอนไปยังจำเลยที่ ๒ เมื่อจดทะเบียนการเช่าให้แก่ผู้เช่าแล้ว แต่ขณะที่โจทก์นำยึดจำเลยที่ ๒ ยังไม่ได้จดทะเบียนการเช่าและรับโอนกรรมสิทธิ์ในตึกแถวจากผู้ร้องทั้งสองตามสัญญาตึกแถวจึงไม่ใช่ของจำเลยที่ ๒ ขอให้ปล่อยตึกแถวที่ยึด
โจทก์ให้การว่า ตึกแถวปลูกอยู่ในที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๒ ที่จดทะเบียนจำนองไว้แก่โจทก์ ตึกแถวเป็นส่วนควบของที่ดินจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๒ ด้วย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ปล่อยตึกแถวเป็นสิทธิแก่ผู้ร้องทั้งสอง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์เอกสารหมาย ร.๑ จำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าของที่ดิน ผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้ก่อสร้างตึกแถวลงบนที่ดินของจำเลยที่ ๒ แต่ไม่มีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาให้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวยังเป็นของผู้ร้องทั้งสองอยู่ กรรมสิทธิ์ในตึกแถวย่อมตกเป็นของจำเลยที่ ๒ ทันทีเมื่อก่อสร้างเสร็จ เนื่องจากเป็นส่วนควบกับที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๗ วรรคสอง เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมาบังคับคดีเพื่อชำระหนี้โจทก์ได้
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง

Share