คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3530/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ถอนตัวออกจากหุ้นส่วน และจำเลยยินยอมให้โจทก์ถอนตัวโดยคืนเงินลงทุนให้ ถือได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงเลิกหุ้นส่วนกันแต่ยังไม่ได้ตกลงเรื่องแบ่งปันผลกำไรที่ยังเหลือและทรัพย์สินย่อมต้องจัดให้มีการชำระบัญชีกันก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1061 ที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินปันผลกำไรและส่วนแบ่งในทรัพย์สินของหุ้นส่วนโดยอาศัยหลักฐานตามภาพถ่ายบัญชีรับจ่ายซึ่งเป็นรายการที่ไม่ชัดแจ้ง และจำเลยยังโต้เถียงอยู่ จึงฟ้องไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าหุ้นกับจำเลยค้าขายผ้าไหม โจทก์มีสิทธิได้รับเงินปันผลคิดเป็นเงิน 61,056.25 บาท แต่จำเลยจ่ายเงินปันผลให้โจทก์เพียง 14,670 ยังคงค้างอยู่อีกจำนวน 46,386.25บาท เมื่อโจทก์ถอนตัวจากการเป็นหุ้นส่วนร้านค้ามีทรัพย์สินที่เกิดจากการเข้าหุ้นส่วนกันเป็นเงินประมาณ 480,000 บาท เมื่อเลิกหุ้นส่วนกัน โจทก์มีสิทธิในเงินส่วนแบ่งเป็นเงินจำนวน100,000 บาท จำเลยยังไม่ได้ชำระให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 146,386.25 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าของร้านขายผ้าไหม โจทก์เป็นลูกค้า ไม่ใช่หุ้นส่วนของจำเลย จำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์จำนวน25,000 บาท มีข้อตกลงกันว่า จำเลยจะแบ่งกำไรให้โจทก์ร้อยละ10 แต่หากจำเลยค้าขายขาดทุน จำเลยจะเป็นผู้รับผิดแต่ผู้เดียวจำเลยจ่ายส่วนแบ่งกำไรของร้านให้โจทก์ โจทก์ต้องการออกไปเปิดร้านขายเอง จึงขอคืนเงิน 25,000 บาท จำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงครบถ้วนแล้ว โจทก์ไม่ได้ขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีเพียงแต่กล่าวอ้างลอย ๆ ว่า ร้านค้าของจำเลยมีผลกำไร รวมเป็นเงิน108,469 บาท และมีทรัพย์สินที่เกิดจากการเป็นหุ้นส่วนประมาณ480,000 บาท ความจริงจำเลยเป็นหนี้ผู้อื่นอีกหลายราย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยคู่ความไม่โต้เถียงเป็นอย่างอื่นว่า โจทก์จำเลยตกลงกันเข้าเป็นหุ้นส่วนค้าขายผ้าไหมในพื้นที่เช่าของอาคารโรงแรมเอเซียเพื่อแบ่งปันผลกำไรตามสัดส่วนของเงินลงทุน การที่โจทก์ถอนตัวออกจากหุ้นส่วนและจำเลยยินยอมให้โจทก์ถอนตัวโดยคืนเงินลงทุนให้ครบถ้วนแล้ว ถือได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงเลิกหุ้นส่วนกันแต่ยังไม่ได้ตกลงเรื่องแบ่งปันผลกำไรที่ยังเหลือและทรัพย์สินย่อมต้องจัดให้มีการชำระบัญชีกันก่อน จึงจะทราบว่าหุ้นส่วนมีทรัพย์สินอยู่เพียงใด ที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินปันผลกำไร และส่วนแบ่งในทรัพย์สินของหุ้นส่วนโดยอาศัยหลักฐานตามภาพถ่ายบัญชีรับ-จ่าย ซึ่งเป็นรายการที่ยังไม่ชัดแจ้งและจำเลยยังมีข้อโต้เถียงเกี่ยวกับทรัพย์สินของหุ้นส่วนอยู่ เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องร้องขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย
พิพากษายืน

Share