คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ระยะเวลาในการรับจำนองทรัพย์พิพาทไม่ใช่หลักเกณฑ์สำคัญในการกำหนดราคา หากแต่ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดในช่วงระยะเวลาขายทอดตลาดที่จะเป็นตัวกำหนดราคา ซึ่งในขณะทำการขายทอดตลาดราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตประกอบกับสภาพและที่ตั้งของที่ดินนับว่าเหมาะสมแล้ว ข้ออ้างของจำเลยมีเพียงว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาซื้อขายตามท้องตลาดโดยไม่ได้ระบุถึงพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการดำเนินการขายทอดตลาด ไม่เป็นเหตุที่จะฟังว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,611,547.70 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์จำนองคือที่ดินมีโฉนด 2 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกขายทอดตลาด ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยไปในราคา 1,200,000 บาท

จำเลยยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายตามท้องตลาด ขอให้นำทรัพย์ทั้งสองรายการขายในราคาที่สูงกว่าต่อไป

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นและให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในครั้งนี้ โดยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดใหม่ต่อไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามหลักฐานในสำนวนฟังเป็นยุติได้ว่าทรัพย์พิพาทเป็นที่ดินโฉนดสองแปลงติดกัน แปลงแรกโฉนดเลขที่ 29175 เนื้อที่70 ตารางวา แปลงที่สองโฉนดเลขที่ 29150 เนื้อที่ 1 งาน 2 ตารางวา ที่ดินอยู่ในซอยห่างถนนใหญ่ประมาณ 500 เมตร แปลงแรกอยู่ติดซอยมีสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้าน 1 หลัง แปลงที่สองอยู่ติดกันด้านหลัง จำเลยจดจำนองเป็นหลักประกันการชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อปี 2536 เป็นเงิน 1,300,000 บาท จำเลยไม่ชำระหนี้โจทก์จึงฟ้องและศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้โจทก์ได้นำยึดทรัพย์ดังกล่าวออกขายทอดตลาด สำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ประเมินราคาที่ดินทั้งสองแปลงไว้ 2,274,000 บาท เมื่อปี 2539 เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงิน 960,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดครั้งแรกจำเลยคัดค้านราคาสูงสุดเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงงดการขาย ครั้งที่สองและครั้งที่สามเจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายเพราะเห็นว่าราคาสูงสุดที่เสนอมายังต่ำไป ครั้งที่สี่โจทก์เข้าสู้ราคาเป็นจำนวนเงิน 1,200,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าเป็นราคาที่สูงพอสมควร จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่ผู้สู้ราคาสูงสุด ดังนี้ถือว่าการขายทอดตลาดสมบูรณ์แล้วจำเลยจะขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่โดยอ้างว่าราคาที่ขายได้ต่ำกว่าราคาที่ซื้อขายจริงตามท้องตลาดหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เห็นว่าธนาคารโจทก์รับจำนองทรัพย์พิพาทไว้เป็นเวลาเกือบ 4 ปี น่าเชื่อว่าที่ดินของจำเลยทั้งสองแปลงมีราคาสูงกว่าขณะที่ธนาคารโจทก์รับจำนองมากนั้นศาลฎีกาเห็นว่าระยะเวลาไม่ใช่หลักเกณฑ์สำคัญในการกำหนดราคา หากแต่ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดในช่วงระยะเวลาดังกล่าวที่จะเป็นตัวกำหนดราคา ซึ่งในขณะทำการขายทอดตลาด ราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอนุญาตประกอบกับสภาพและที่ตั้งของที่ดินนับว่าเหมาะสมแล้ว นอกจากนั้นข้ออ้างของจำเลยมีเพียงว่าราคาที่ขายต่ำกว่าราคาซื้อขายตามท้องตลาดโดยไม่ได้ระบุถึงพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการดำเนินการขายทอดตลาด ยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะฟังว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share