คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3524/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถา แต่ให้นำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาลภายใน 15 วัน ต่อมาโจทก์ขอขยายเวลาไปอีก 60 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาตเพียง 15 วันศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้สั่งในเรื่องกำหนดระยะเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาล และตามฎีกาโจทก์เป็นเรื่องขอให้ศาลฎีกาใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ให้ใหม่ด้วย ศาลฎีกาย่อมเห็นสมควรให้เวลาแก่โจทก์ได้มีโอกาสวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามสัญญารับสภาพหนี้ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี รวมเป็นเงิน554,400 บาท และดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์ลายเซ็นในหนังสือรับสภาพหนี้เป็นลายเซ็นปลอม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ และขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วเห็นว่าโจทก์มิได้ยากจนจริง จึงให้ยกคำร้องโดยมีคำสั่งวันที่ 10 เมษายน 2534 และกำหนดให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 15 วัน
ต่อมาวันที่ 23 เมษายน 2534 โจทก์ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลไปอีก 60 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาต 15 วัน นับแต่วันดังกล่าว
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ไม่กำหนดเวลาให้โจทก์วางเงินค่าธรรมเนียม ศาลชั้นอุทธรณ์ภายในเวลาอันสมควรไม่ชอบ ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาหรือสั่งให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาให้โจทก์วางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ภายในเวลาอันสมควรต่อไป
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลอุทธรณ์มิได้สั่งในเรื่องกำหนดระยะเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาวางศาล และตามฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องขอให้ศาลฎีกาใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่ กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ให้ใหม่ด้วย ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นสมควรให้เวลาแก่โจทก์ได้มีโอกาสวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า หากโจทก์ติดใจจะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อไปก็ให้นำค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษานี้

Share