คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3523/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีก่อนศาลพิพากษาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2543 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือนและปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 2 ปี แต่คดีนี้จำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่18 กรกฎาคม 2543 อันเป็นเวลาก่อนที่ศาลในคดีก่อนจะพิพากษา แม้คดีนี้ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยถึงจำคุกก็ตาม ศาลในคดีนี้ก็ไม่มีอำนาจที่จะนำโทษจำคุกในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ได้เพราะมิใช่เป็นการกระทำความผิดภายในระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษกรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้นำโทษจำคุกในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้จึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2543 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 1,003 เม็ดน้ำหนักรวม87.56 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนส่วนหนึ่งในจำนวนดังกล่าว ให้แก่สายลับที่ล่อซื้อจำนวน 3 เม็ดในราคา 150 บาท โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1,003 เม็ดและธนบัตรจำนวน 150 บาท ที่เจ้าพนักงานตำรวจใช้ล่อซื้อเป็นของกลาง ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ลงโทษจำคุก 9 เดือนและปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5033/2543 ของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2543 ภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษจำเลยกลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางและบวกโทษจำคุกจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5033/2543 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลงโทษจำคุก 16 ปี และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนลงโทษจำคุก 5 ปีรวมโทษจำคุก 21 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก10 ปี 6 เดือน บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5033/2543 ของศาลชั้นต้น รวมจำคุก 11 ปี 3 เดือน ริบของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 25 ปี ลดโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 12 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษจำคุกในข้อหาอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่5033/2543 ของศาลชั้นต้น เป็นจำคุก 15 ปี 9 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในสถานเบา เป็นการฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการลงโทษจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเฉพาะในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายว่า มีเหตุสมควรลดโทษจำคุกจำเลยให้ต่ำกว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดหรือไม่เห็นว่า คดีนี้นอกจากจำเลยจะให้การรับสารภาพแล้ว จำเลยยังได้แถลงรับต่อศาลชั้นต้นตามรายงานกระบวนพิจารณาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2544 ว่า จำเลยเคยกระทำความผิดตามประวัติกองทะเบียนประวัติอาชญากรเอกสารหมาย จ.7 จริง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดอันเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทั้งสิ้น สำหรับคดีนี้จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายถึงจำนวน 1,003 เม็ด และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอีกข้อหาหนึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อหาที่หนักขึ้นกว่าความผิดฐานเดิมที่เคยกระทำมา ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำเลยเพิ่มขึ้นในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นจำคุก 25 ปี นับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง ข้อเท็จจริงได้ความว่า คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5033/2543 ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2543 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือนและปรับ 20,000บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี แต่สำหรับคดีนี้จำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2543 อันเป็นเวลาก่อนที่ศาลในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5033/2543 จะพิพากษา แม้คดีนี้ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยถึงจำคุกก็ตาม ศาลในคดีนี้ก็ไม่มีอำนาจที่จะนำโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5033/2543 ของศาลชั้นต้นมาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ได้เพราะมิใช่เป็นการกระทำความผิดภายในระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษ กรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้นำโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5033/2543 มาบวกเข้ากับโทษจำคุกจำเลยในคดีนี้จึงไม่ชอบปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้”

พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 12 ปี 6 เดือน ความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 2 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุก 15 ปี ให้ยกคำขอที่ให้บวกโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 5033/2543 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share