คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บันทึกเกี่ยวกับความผิดฐานฉ้อโกงที่โจทก์ร่วมเป็นฝ่ายทำขึ้นแล้วเรียกจำเลยมาลงชื่อ มีใจความว่าจำเลยซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายกฎหมายของโจทก์ร่วมได้เบิกเงินค่าฤชาธรรมเนียมศาลในการฟ้องคดีไปจากโจทก์ร่วมเป็นเงิน15,585 บาท โดยนำหนี้ดังกล่าวมารวมกับหนี้รายอื่น และจำเลยยอมให้นำเงินสะสมของจำเลยที่อยู่กับโจทก์ร่วมมาหัก แล้วจำเลยชดใช้หนี้ส่วนที่เหลือให้โจทก์ร่วมภายในกำหนด 60 วัน เช่นนี้ฟังได้ว่า โจทก์ร่วมกับจำเลยได้ตกลงประนีประนอมยอมความอันมีผลทำให้สิทธิที่จะนำคดีอาญามาฟ้องต้องระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(2).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 352, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…โจทก์ร่วมเป็นฝ่ายจัดทำบันทึกตามเอกสารหมาย จ.11 ขึ้น แล้วเรียกจำเลยมาลงชื่อในบันทึกนั้นดังที่จำเลยนำสืบ เมื่อบันทึกดังกล่าวมีใจความเฉพาะความผิดฐานฉ้อโกงว่าจำเลยได้เบิกเงินค่าฤชาธรรมเนียมศาลในการฟ้องคดีไปจากโจทก์ร่วมเป็นเงิน 15,585 บาท โดยนำหนี้ดังกล่าวมารวมกับหนี้รายอื่น และจำเลยยอมให้นำเงินสะสมของจำเลยที่อยู่กับโจทก์ร่วมมาหักแล้ว จำเลยยอมชดใช้หนี้ ส่วนที่เหลือให้โจทก์ร่วมภายในกำหนด 60 วันเช่นนี้กรณีจึงฟังได้ว่า โจทก์ร่วมกับจำเลยได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันอันมีผลทำให้สิทธิที่จะนำคดีอาญามาฟ้องต้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)…”
พิพากษายืน

Share