คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องของโจทก์ที่บรรยายระบุตัวบุคคลผู้เสียหายที่ถูกข่มขืนกระทำชำเราว่า คือ ‘นางสาวลำไย จันสะล้า’ โดยไม่ได้บรรยายต่อไปว่า ‘ผู้เสียหายมิใช่ภรรยาของจำเลย’นั้น เป็นฟ้องที่บรรยายแสดงความหมายครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 และเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5) แล้วเพราะคำว่า ‘นางสาว’ แสดงอยู่ในตัวแล้วว่า เป็นหญิงที่ยังไม่มีสามี และไม่ได้เป็นภริยาของผู้ใด รวมทั้งจำเลยด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังจับตัวไม่ได้อีกประมาณ 8 คนข่มขืนกระทำชำเรานางสาวลำไย จันสะล้ำ โดยจำเลยกับพวกใช้กำลังและอาวุธขู่เข็ญจะทำอันตรายแก่นางสาวลำไย จันสะล้ำ เป็นเหตุให้นางสาวลำไย จันสะล้ำ ไม่สามารถจะขัดขืนได้ จำเลยกับพวกผลัดกันข่มขืนกระทำชำเรานางสาวลำไย จันสะล้ำ จนสำเร็จความใคร่ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276, 281 และ 83

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้องว่าผู้เสียหายมิใช่ภรรยาของจำเลย ซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แม้จำเลยที่ 1 จะรับสารภาพก็เอาผิดแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้ให้ยกฟ้องโจทก์โดยไม่พิจารณาข้อเท็จจริง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ซึ่งระบุตัวบุคคลที่ได้รับความเสียหายว่า คือ นางสาวลำไย จันสะล้ำ นั้น ย่อมเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปแล้วว่า ผู้เสียหายเป็นหญิงที่ยังไม่มีสามี และมิได้เป็นภริยาของผู้ใดรวมทั้งจำเลยด้วย จึงเห็นว่าฟ้องของโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับผู้เสียหายพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วว่าผู้เสียหายไม่ใช่ภริยาของจำเลย ฟ้องของโจทก์ จึงเป็นฟ้องที่บรรยายครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรร 276 และเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)แล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share