แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 66 ทวิ วรรคสอง บัญญัติว่า นอกจากผู้ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 42 ต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่งของบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกินสามหมื่นบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น อันเป็นบทบังคับให้ศาลต้องลงโทษปรับจำเลยเป็นรายวันด้วย ศาลไม่อาจงดโทษปรับรายวันสำหรับผู้ฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าวได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 21, 42, 65, 66 ทวิ, 61 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และปรับจำเลยเป็นรายวันตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 21, 42, 65 วรรคหนึ่ง, 66 ทวิ (ที่ถูก 66 ทวิ วรรคหนึ่ง วรรคสอง), 71 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท ฐานไม่รื้อถอนอาคารตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น จำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท รวมจำคุก 12 เดือน และปรับ 40,000 บาท และปรับอีกวันละ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 500 บาท ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2553 เป็นต้นไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี (ที่ถูก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56) หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 2 เดือน และปรับ 10,000 บาท ฐานไม่รื้อถอนอาคารตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น จำคุก 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท และปรับอีกวันละ 600 บาท ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2553 เป็นต้นไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น รวมจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 600 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 10,000 บาท และปรับอีกวันละ 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2553 เป็นต้นไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้ลดโทษปรับและงดโทษปรับรายวัน เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 9 กำหนดโทษปรับจำเลยทั้งสองฐานความผิดมานั้นเหมาะสมแล้ว แต่ในส่วนของโทษปรับรายวัน เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มาตรา 66 ทวิ วรรคสอง กำหนดว่า นอกจากผู้ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม มาตรา 42 ต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่งของบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกินสามหมื่นบาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น อันเป็นบทบังคับให้ศาลต้องลงโทษปรับจำเลยเป็นรายวันอีกด้วย ศาลจึงไม่อาจงดโทษปรับรายวันสำหรับผู้ฝ่าฝืนบทบัญญัติดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม เห็นว่า จำเลยก่อสร้างอาคารแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้นเดียวขนาด 2 คูณ 5 เมตร ซึ่งเป็นอาคารขนาดเล็กและผนังอาคารห่างจากที่ดินข้างเคียงน้อยไปกว่าที่กฎหมายกำหนดเพียง 10 เซนติเมตร ไม่สร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของที่ดินข้างเคียงมากนัก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ลงโทษปรับรายวันอีกวันละ 600 บาท ยังหนักเกินไป เห็นสมควรกำหนดโทษปรับเสียใหม่ให้เหมาะสมตามพฤติการณ์แห่งคดี ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ปรับจำเลยวันละ 200 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับวันละ 100 บาท นับแต่วันที่ 7 เมษายน 2553 เป็นต้นไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9