แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมแล้วย่อมผูกพันคู่ความตามนั้น และแม้สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาก็ตาม แต่การจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ก็ต่อเมื่อเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 วรรคหนึ่ง เท่านั้น แต่ข้อที่โจทก์หรือจำเลยทั้งสองขอเพิ่มนั้นเป็นการเพิ่มเติมหมายเลขโฉนดที่ดิน สำหรับที่ดินอีก 1 แปลงเข้าใหม่กรณีจึงมิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยที่ศาลมีอำนาจแก้ไขได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสอง
โจทก์และจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2542 อ้างว่า ในการพิมพ์สัญญาประนีประนอมยอมความมิได้ระบุโฉนดที่ดินเลขที่ 5703 ไว้ด้วย จึงขอเพิ่มเติมแก้ไขสัญญาประนีประนอมยอมความโดยเติมโฉนดที่ดินเลขที่ 5703 ในสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 5 และให้โจทก์กับจำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อกำกับต่อหน้าศาล เพื่อให้ถูกต้องตรงตามเจตนาของคู่ความ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การขอแก้ไขตามคำร้องเป็นการแก้ไขในส่วนสำคัญทั้งไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลทำการแก้ไขได้
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และศาลพิพากษาตามยอมแล้ว ย่อมผูกพันคู่ความตามนั้น และแม้สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจะถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาก็ตาม แต่การจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ก็ต่อเมื่อเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143 วรรคหนึ่ง เท่านั้น แต่ข้อที่โจทก์และจำเลยทั้งสองขอเพิ่มนั้น เป็นการเพิ่มเติมหมายเลขโฉนดที่ดิน สำหรับที่ดินอีก 1 แปลงเข้ามาใหม่ ซึ่งผิดไปจากเดิม กรณีจึงมิใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยที่ศาลมีอำนาจแก้ไข โจทก์และจำเลยทั้งสองจึงไม่อาจขอแก้ไขได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ