คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์มิได้ส่งสำเนาบันทึกถ้อยคำพยานให้จำเลยก่อนวันนัดพิจารณาคดีตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง ถือว่ามิได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดคดีล้มละลาย ข้อ 14 วรรคสอง ย่อมทำให้โจทก์มิได้รับประโยชน์ในกระบวนพิจารณาส่วนนี้ ศาลล้มละลายกลางชอบที่จะไม่ยอมรับบันทึกถ้อยคำพยานโจทก์นั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแทนการซักถามพยานโจทก์ และต้องดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และจำเลยตามที่นัดไว้ต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย
จำเลยทั้งสองไม่ยื่นคำให้การ และจำเลยที่ ๑ ขาดนัดพิจารณา
ในวันนัดพิจารณา จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง และให้รับบันทึก ถ้อยคำแทนการซักถามพยานโจทก์ที่โจทก์ยื่นต่อศาลล่วงเลยระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้วันนัดพร้อมไว้เป็นพยานหลักฐานในคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสองเด็ดขาดตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นตั้งแต่วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๓ โดยให้ศาลชั้นต้นกำหนดนัดนั่งพิจารณาใหม่ และดำเนินการต่อไปจนเสร็จการพิจารณาแล้วพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า… คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๒ ว่า การที่โจทก์ได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นให้เสนอบันทึกถ้อยคำของพยานแทนการซักถามพยาน แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดคดีล้มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๑๔ วรรคสอง กล่าวคือ โจทก์มิได้ยื่นบันทึกถ้อยคำของพยานต่อศาลและส่งสำเนาให้แก่ คู่ความอีกฝ่ายภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่รับบันทึกถ้อยคำนั้นเป็นพยานหลักฐาน จะต้องถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมานำสืบหรือไม่ คดีได้ความว่าศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อกำหนดแนวทางดำเนินคดีตามข้อกำหนดคดีล้มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๑๒ เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๔๓ โจทก์ได้ขออนุญาตใช้บันทึกถ้อยคำแทนการสืบพยานบุคคลลำดับที่ ๓ ถึงที่ ๕ ตามบัญชีระบุพยานโจทก์ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๔๓ ศาลชั้นต้นอนุญาตโดยให้โจทก์ยื่นบันทึกถ้อยคำของพยานต่อศาลพร้อมทั้งให้ส่งสำเนาบันทึกถ้อยคำนั้นให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันนัดพิจารณาไม่น้อยกว่า ๗ วัน และนัดสืบพยานโจทก์กับพยานจำเลยทั้งสองในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๓ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา แต่ปรากฏว่าโจทก์ยื่นบันทึกถ้อยคำของนายธีรรัช วิวัฒนวงศ์ และนายสมศักดิ์ ทะวงษ์ ต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๓ และ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ส่งสำเนาบันทึกถ้อยคำดังกล่าวให้แก่จำเลยทั้งสองตามคำสั่งศาล แต่ในวันนัดพิจารณาโจทก์มีพยานบุคคลมาศาลคือนายธีรรัชและนายสมศักดิ์ เห็นว่า การที่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดคดีล้มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๑๔ วรรคสอง และคำสั่งศาลชั้นต้นในเรื่องการยื่นบันทึกถ้อยคำของพยานบุคคลต่อศาลพร้อมทั้งส่งสำเนาบันทึกถ้อยคำนั้นให้จำเลยทั้งสองก่อนวันนัดพิจารณาไม่น้อยกว่า ๗ วัน ย่อมทำให้โจทก์มิได้รับประโยชน์ในกระบวนพิจารณา ส่วนนี้ โดยศาลชั้นต้นชอบที่จะไม่ยอมรับบันทึกถ้อยคำของพยานโจทก์นั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแทนการซักถามพยานโจทก์ เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมมีผลให้ศาลชั้นต้นต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยต้องสืบพยานโจทก์และ จำเลยทั้งสองในวันนัดพิจารณาสืบพยานโจทก์และจำเลยตามที่นัดไว้ซึ่งโจทก์ได้นำพยานบุคคล คือ นายธีรรัชและ นายสมศักดิ์มาศาลด้วยแล้ว กรณีจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ไม่มีพยานมาศาล ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share