แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินและเรือนพิพาทจำเลยฎีกา คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลฎีกาคู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยไม่ขอถือเอาผลของคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองมาใช้บังคับต่อไปและศาลฎีกาได้พิพากษาไปตามยอมแล้วดังนี้ คำพิพากษาของศาลล่างย่อมระงับไปโดยผลของคำพิพากษาศาลฎีกานิติกรรมการซื้อขายจึงมิได้ถูกเพิกถอนแต่อย่างใด ในเบื้องต้นจึงยังต้องฟังว่าเรือนพิพาทยังเป็นของผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขายเมื่อผู้ซื้อถึงแก่กรรมทายาทของผู้ซื้อจึงมีสิทธิในเรือนนั้น
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์นำยึดเรือนเลขที่ 182 อ้างว่าเป็นของจำเลยผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เรือนที่ยึดนั้นนางอนงค์รับซื้อไว้พร้อมกับที่ดินจากหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์สามีจำเลย ได้ทำหนังสือซื้อขายและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ต่อมานางอนงค์ตาย เรือนและที่ดินเป็นมรดกตกได้แก่ผู้ร้อง ขอให้ถอนการยึด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ถอนการยึดทรัพย์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เรือนพิพาทเดิมเป็นของหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์สามีจำเลย หลวงศักดิ์รัตนาเขตต์ได้ขายที่ดินและเรือนให้แก่นางอนงค์ ต่อมาหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์ถึงแก่กรรมนางสอาดและนางสาวอำพันได้ฟ้องจำเลยและทายาทหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์เป็นจำเลย ขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินและเรือนพิพาทระหว่างหลวงศักดิ์รัตนาเขตต์และนางอนงค์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายดังกล่าว จำเลยฎีกา คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีของศาลฎีกา โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไม่ถือเอาผลของคำพิพากษาศาลล่างบังคับกันต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่าคำพิพากษาของศาลล่างให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายยังไม่ถึงที่สุดย่อมระงับไปโดยผลของคำพิพากษาศาลฎีกา นิติกรรมการซื้อขายจึงมิได้ถูกเพิกถอนแต่อย่างใด ในเบื้องต้นต้องฟังว่าเรือนพิพาทยังเป็นของนางอนงค์ผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย เมื่อนางอนงค์ถึงแก่กรรม ผู้ร้องเป็นทายาทของนางอนงค์จึงมีสิทธิในเรือนพิพาท
พิพากษายืน