แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือซึ่งจำเลยรับว่าตนเป็นผู้สั่งจ่าย เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยนำสืบรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับ บ.ผู้ทรงคนก่อนผู้ซึ่งจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้เพราะจำเลยถูกหลอกลวงจำเลยจึงไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นต่อสู้โจทก์โดยอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับ บ. ได้ จำเลยย่อมต้องรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์ผู้ทรงตามเนื้อความในเช็คพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคแรก,914
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาจากลูกหนี้โจทก์เพื่อชำระหนี้โดยมีจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระเงินโจทก์ได้นำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาตั๋วเงินทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 107,500 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้รับเช็คพิพาทด้วยการฉ้อฉลโดยสมคบกับบุคคลอื่นนำเช็คไม่มีมูลหนี้ต่อกันมาฟ้อง ความจริงจำเลยมอบเช็คพิพาทให้นายบวรโดยเหตุที่นายบวรนำข้อความอันเป็นเท็จมาหลอกลวงจำเลยจนจำเลยหลงเชื่อและได้มอบเช็คให้แก่นายบวรไปขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 100,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยเสียดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 26 เมษายน 2522
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า พยานโจทก์คือตัวโจทก์นายสุชาติ เสนากิจและนายสุวัฒน์ ปิ่ณฑศิริ ต่างเบิกความเชื่อมโยงสอดคล้องกันไม่มีข้อพิรุธอันใดซึ่งมีสาระสำคัญว่า นางสาวสุภา บุญนาค ได้นำเช็คพิพาทซึ่งมีจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเงิน 100,000 บาท มาชำระหนี้ให้โจทก์อันเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมายทั้งปรากฏข้อเท็จจริงตามสำนวนคดีแพ่งของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ 5661/2523ที่โจทก์อ้างเป็นพยานในคดีนี้ว่า นางสุขสมบัติ จันทรเกตุ ได้ยื่นฟ้องจำเลยขอให้ชำระเงินตามเช็คเป็นเงิน 100,000 บาท ซึ่งจำเลยเบิกความในคดีนี้ยอมรับว่าเป็นเช็คที่สั่งจ่ายพร้อมกับเช็คพิพาทแล้วมอบให้นายบวรไปเช่นเดียวกัน ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คดังกล่าว คดีถึงที่สุด หลักฐานพยานโจทก์ฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่จำเลยให้การต่อสู้คดีว่านางสาวสุภามอบเช็คให้โจทก์โดยไม่มีหนี้สินต่อกันนั้น ในชั้นพิจารณาจำเลยกลับเบิกความว่า เข้าในว่านางสาวสุภามอบเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อใช้หรือวานให้โจทก์ฟ้องคดี จำเลยไม่มีพยานอื่นยืนยันข้อเท็จจริงที่จำเลยกล่าวอ้างจึงเป็นการเลื่อนลอย ที่จำเลยให้การและนำสืบต่อสู้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้แก่นายบวรเพราะถูกนายบวรหลอกลวงนั้น ก็ปรากฏว่าจำเลยนำสืบฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับเช็คพิพาทโดยคบคิดกันฉ้อฉลกับนางสาวสุภาหรือนายบวร จำเลยจึงไม่อาจยกเหตุดังกล่าวต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยอาศัยความเกี่ยวพันเฉพาะบุคคลระหว่างจำเลยกับนายบวรทั้งนี้ตามนัยแห่งบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย และจำเลยรับว่าเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท จำเลยย่อมต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คพิพาทตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคแรก และจะต้องรับผิดชำระเงินให้แก่ผู้ทรงคือโจทก์ตามมาตรา 914, 989
พิพากษายืน