คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้บ้านพิพาทจะปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของบุคคลอื่นและโจทก์ได้นำยึดขายทอดตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อรื้อถอนเอาไป แต่สภาพของบ้าน ก่อนมีการรื้อถอนย่อมเป็นอสังหาริมทรัพย์เพราะได้ปลูกสร้างไว้ ติดกับที่ดิน ผู้ร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วย อสังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้โจทก์จำเลยหย่ากันโดยจำเลยย่อมจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรเป็นรายเดือน แต่จำเลยไม่จ่ายโจทก์จึงขอบังคับคดียึดบ้านของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้

ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่า บ้านที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องมีราคา 10,000 บาทมิใช่ของจำเลย ขอให้มีคำสั่งถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าว

โจทก์คัดค้านว่า บ้านเป็นของจำเลย มิใช่ของผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าคดีนี้มีทุนทรัพย์ถึง10,000 บาท และเป็นคดีไม่เกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ร้องจะอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า แม้บ้านพิพาทจะปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของบุคคลอื่นและโจทก์ได้นำยึดขายทอดตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อรื้อถอนเอาไป แต่สภาพของบ้านก่อนมีการรื้อถอนย่อมเป็นอสังหาริมทรัพย์เพราะได้ปลูกสร้างไว้ติดกับที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 100 คดีนี้ผู้ร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดอ้างว่าบ้านดังกล่าวเป็นของตน ไม่ใช่ของจำเลย จึงเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์และไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคสอง

พิพากษายืน

Share