คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3490/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีพิพาทกันในปัญหาว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง โจทก์ฎีกาว่า ที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ แม้จำเลยจะครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของก็ไม่ได้สิทธิครอบครองโจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เช่าที่ดินของโจทก์แล้วเบียดบังเอาที่ดินเป็นของตนโดยได้ขอออก น.ส.3 ก. ในที่ดินที่เช่าแล้วโอนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรของตนโดยเสน่หาขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 598ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปจากที่พิพาทไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับที่พิพาทต่อไป ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเช่าที่พิพาทที่ค้าง
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ได้บุกเบิกแผ้วถางทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวมา การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และการทำนิติกรรมยกที่พิพาทของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 นั้น ได้กระทำไปโดยสุจริต และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้กระทำไปตามขั้นตอนกฎหมายโจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยร่วมกันชำระค่าเช่าที่พิพาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) โดยให้จำเลยที่ 2 และบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกไปจากที่ดินพิพาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับคำขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 598 และให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและให้จำเลยพร้อมบริวารออกจากที่พิพาทนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์จำเลยพิพาทกันในปัญหาว่า โจทก์หรือจำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่พิพาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ ซึ่งโจทก์ตีราคาทรัพย์ที่พิพาทเป็นเงิน30,000 บาท ให้ศาลชั้นต้นถือเป็นจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทการที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์นั้นเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า ที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์แม้จำเลยจะครอบครองโดยเจตนาเป็นเจ้าของก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง โจทก์ย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย เมื่อราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับในขณะโจทก์ยื่นฎีกา

Share