คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาโอนขายสิทธิการเช่าโทรศัพท์ให้แก่ผู้ร้อง ได้ชำระเงินและรับมอบเครื่องโทรศัพท์กันแล้วตั้งแต่วันทำสัญญา การโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์ดังกล่าวย่อมมีผลสมบูรณ์ตั้งแต่ขณะทำสัญญาเสร็จ การที่จะไปทำการเปลี่ยนชื่อผู้เช่าโทรศัพท์มาเป็นชื่อผู้ร้องเป็นแต่เพียงแบบพิธีการเท่านั้น

ย่อยาว

มูลคดีสืบเนื่องมาจากจำเลยทั้งสองเป็นลูกหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดสิทธิการเช่าโทรศัพท์อ้างว่าเป็นของจำเลยที่ ๒ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าทรัพย์ที่ยึดดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์ให้การคัดค้านว่า สิทธิการเช่าโทรศัพท์เป็นของจำเลยที่ ๒ ที่ผู้ร้องอ้างว่าได้ซื้อสิทธิการเช่ามาจากจำเลยที่ ๒ แล้วนั้น เมื่อยังมิได้ทำการโอนสิทธิกันต่อองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย การโอนย่อมไม่มีผล โจทก์มีสิทธินำยึด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีซึ่งมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองหมื่นบาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ในการวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๓๘ และ ๒๔๗
ที่โจทก์ฎีกาว่า สัญญาโอนขายสิทธิการเช่าโทรศัพท์ระหว่างจำเลยที่ ๒กับผู้ร้องเป็นสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยังถือไม่ได้ว่าการโอนมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายเพราะยังมิได้ทำการโอนสิทธิการเช่าต่อองค์การโทรศัพท์ให้ถูกต้อง จึงนำสัญญาโอนดังกล่าวมาใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้นั้น เห็นว่าการโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์รายนี้จำเลยที่ ๒ ได้ทำสัญญาโอนให้แก่ผู้ร้องไปแล้วก่อนที่จำเลยที่ ๒ จะค้ำประกันจำเลยที่ ๑ ต่อโจทก์ ตามระเบียบขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้ยอมอนุญาตให้ผู้ซื้อบ้านจากผู้อื่นซึ่งมีโทรศัพท์ยื่นเรื่องราวขอเป็นผู้เช่าโทรศัพท์เครื่องนั้นได้หากว่าได้ครอบครองติดต่อกันมาเกิน ๖ เดือนโดยผู้ซื้อและผู้ขายไม่จำต้องไปแจ้งต่อองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยพร้อมกัน สัญญาขายสิทธิการเช่าโทรศัพท์ระหว่างจำเลยที่ ๒ กับผู้ร้องตามเอกสารหมาย ร.๔ทั้งสองฝ่ายได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย ผู้โอนคือจำเลยที่ ๒ได้รับชำระเงินจากผู้ร้องแล้ว และผู้ร้องได้รับมอบเครื่องโทรศัพท์ไว้ในครอบครองแล้วตั้งแต่วันทำสัญญาซื้อขายคือวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๑๕ ดังนั้น การโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์รายนี้ย่อมมีผลสมบูรณ์ตั้งแต่ขณะทำสัญญาเสร็จ การที่จะไปทำการเปลี่ยนตัวผู้เช่าโทรศัพท์จากจำเลยที่ ๒ มาเป็นชื่อผู้ร้องเป็นแต่เพียงแบบพิธีการเท่านั้นสิทธิการเช่าโทรศัพท์จึงไม่ใช่เป็นของจำเลยที่ ๒ โจทก์ไม่มีสิทธินำยึด
พิพากษายืน

Share