คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3488/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลยขอเข้าเป็นคู่ความในฐานะผู้คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาจึงไม่รับผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ในชั้นพิจารณาคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว ไม่มีประเด็นแห่งคดีที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยชี้ขาดว่าผู้ร้องจะร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความในคดีได้ดังที่ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์ไว้หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องโดยอ้างเหตุว่าเพราะผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอกไม่อาจร้องสอดเข้ามาในคดี มีผลเท่ากับว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแห่งคดีที่ว่าผู้ร้องจะร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความในคดีได้หรือไม่ แล้วนำข้อวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าวมาเป็นเหตุยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้อง จึงเป็นการไม่ชอบ และคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ถึงที่สุด ทั้งนี้ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ผู้ร้องมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสองประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย ต่อมาขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลย เป็นผู้มีส่วนได้เสียในบริษัทจำเลยจำเลยยังไม่สมควรที่จะถูกพิทักษ์ทรัพย์และถูกพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย เพราะจำเลยมีที่ดินและยังประกอบกิจการอยู่สามารถชำระหนี้ให้โจทก์ได้ ผู้ร้องจึงขอเข้าเป็นคู่ความในฐานะผู้คัดค้านเพื่อแสดงให้เห็นว่ายังไม่มีพฤติการณ์ที่จำเลยสมควรจะเป็นบุคคลล้มละลาย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาจึงต้องห้ามไม่รับ
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่อาจร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ เมื่อผู้ร้องไม่อาจร้องสอด แม้คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความจะไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในระหว่างพิจารณา แต่เมื่ออุทธรณ์ของผู้ร้องไม่อาจชนะคดีการสั่งรับอุทธรณ์ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ร้อง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์จึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า ในชั้นพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้องที่อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ของผู้ร้องนั้น ไม่มีประเด็นแห่งคดีที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยชี้ขาดว่าผู้ร้องจะร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ได้ดังที่ผู้ร้องได้ยื่นอุทธรณ์ไว้หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้อง โดยอ้างเหตุว่าเพราะผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่อาจร้องสอดเข้ามาในคดีนี้มีผลเท่ากับว่าศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแห่งคดีที่ว่าผู้ร้องจะร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ได้หรือไม่ แล้วนำข้อวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแห่งคดีดังกล่าวมาเป็นเหตุยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้อง จึงเป็นการไม่ชอบ และคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ถึงที่สุด ทั้งนี้ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153สมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ อนึ่งปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ผู้ร้องมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสองประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้อง แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share