คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3487/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินที่มีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกัน มีผู้ครอบครองปรปักษ์ ที่ดินบางส่วนจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว แต่ยังมิได้จดทะเบียนการได้มา การที่เจ้าของรวมคนอื่นโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาเป็นของเจ้าของรวมคนหนึ่งเพียงคนเดียว ไม่ถือว่าเจ้าของรวมผู้รับโอนนั้นเป็นบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299วรรคสองผู้ครอบครองปรปักษ์ยกเอาการได้มาขึ้นต่อสู้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และนายสุวัฒน์ด้วงปั้น ได้ให้จำเลยเช่า ต่อมาจำเลยไม่ชำระค่าเช่า ได้มีการบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว และต่อมานายสุวัฒน์ได้โอนขายที่ดินให้เป็นของโจทก์เพียงคนเดียว ขอให้บังคับขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทและชำระค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า การซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างโจทก์กับนายสุวัฒน์นั้นไม่เสียค่าตอบแทนเพราะจดทะเบียนการได้มาโดยไม่สุจริต จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้วขอให้ยกฟ้องและมีคำสั่งว่า จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เนื้อที่ 2ไร่เศษร่วมกับโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทโดยการเช่า ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยนั้นมีคำสั่ง(ที่ถูกพิพากษา) ว่า ที่ดินพิพาทภายในเส้นทึบสีดำตามที่ปรากฏในแผนที่สังเขป ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำฟ้องแย้งในส่วนที่ขอให้โจทก์จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหรือถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของโจทก์เสีย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นเจ้าของรวมในที่ดินโฉนดเลขที่2367 จำเลยได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 2367 จนได้กรรมสิทธิ์แล้วก็เท่ากับว่าจำเลยได้ครอบครองปรปักษ์ในส่วนที่โจทก์เองเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย แม้ภายหลังโจทก์จะรับโอนที่ดินจากผู้มีกรรมสิทธิ์รวมคนอื่น จนโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 2367 เพียงคนเดียวก็ไม่ถือว่าโจทก์เป็นบุคคลภายนอกตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสองจำเลยยกเอาการได้ที่ดินพิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์ใช้ต่อสู้โจทก์ได้ จำเลยจึงมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์
พิพากษายืน

Share