คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์อันจะมีบุริมสิทธิตาม ป.พ.พ. มาตรา 273 (1), 274 และ 269 คือ หนี้ค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาอสังหาริมทรัพย์นั้นโดยตรง ซึ่งรวมถึงหนี้ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นที่ได้เสียไปเพื่อที่จะสงวนสิทธิ รับสภาพสิทธิ หรือบังคับสิทธิอันเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์นั้นโดยตรง แม้ผู้ร้องจะได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์ แต่การที่ผู้ร้องถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมตัวไปดำเนินคดีเป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากการที่ผู้ร้องเข้าไปหาจำเลยแล้วจำเลยไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าผู้ร้องบุกรุกเข้าไปในบ้านจำเลย การเรียกค่าเสียหายจากการถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกเป็นคนละเรื่องกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาบ้านอันเป็นอสังหาริมทรัพย์นั้นโดยตรง ที่ผู้ร้องจะต้องไปดำเนินการแก่จำเลยเป็นคดีอีกส่วนหนึ่งต่างหาก มิใช่เป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการสงวนสิทธิหรือรับสภาพสิทธิหรือบังคับสิทธิอันเกี่ยวด้วยสังหาริมทรัพย์นั้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้จำนวน 144,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 90,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2546 ผู้ร้องซึ่งเป็นทนายความและเป็นผู้แทนโจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 13277 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบ้านเลขที่ 217/9 หมู่ที่ 1 ตำบลจำปา อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้มอบให้ผู้ร้องเป็นผู้เก็บรักษาไว้ ณ ที่ยึด ตั้งแต่วันที่ดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2547 ผู้ร้องกับนายเฉลิมเข้าไปในบ้านเลขที่ 217/9 และถามหาจำเลยแต่ไม่พบ ผู้ร้องและนายเฉลิมออกจากบ้านไป จำเลยร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินคดีแก่ผู้ร้องและนายเฉลิมในข้อหาบุกรุก แต่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2548 ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวในวันที่ 18 พฤษภาคม 2549 นายสุภาพเป็นผู้ประมูลซื้อได้ในราคา 290,000 บาท แต่นายปรีชาสามีจำเลยยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง นายปรีชายื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้ยกเลิกหรือเพิกถอนการขายทอดตลาด คดียังไม่ถึงที่สุด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีรายรับรายจ่าย และนำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาจ่ายเป็นค่าเสียหายให้แก่ผู้ร้องเป็นเงิน 100,000 บาท
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามอุทธรณ์ของผู้ร้องมีว่าการที่ผู้ร้องถูกดำเนินคดีดังกล่าว ผู้ร้องต้องสูญเสียแรงงานวิชาชีพทางกฎหมายในการต่อสู้คดี และผู้ร้องต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าอาหารเพื่อรักษาอสังหาริมทรัพย์ ถือว่าเป็นหนี้มีอยู่แก่ผู้ร้องเป็นคุณในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273 บัญญัติว่า “ถ้าหนี้มีอยู่เป็นคุณแก่บุคคลผู้ใดในมูลอย่างหนึ่งอย่างใดดังจะกล่าวต่อไปนี้ บุคคลผู้นั้นย่อมมีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ คือ (1) รักษาอสังหาริมทรัพย์…” และหนี้ในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์นั้นมาตรา 274 วรรคแรก บัญญัติว่า “บุริมสิทธิในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์นั้น ใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาอสังหาริมทรัพย์และมีอยู่เหนืออสังหาริมทรัพย์อันนั้น” กับวรรคสอง บัญญัติว่า “อนึ่ง บทบัญญัติแห่งมาตรา 269 วรรคสอง นั้น ท่านให้นำมาใช้บังคับแก่กรณีที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ด้วย” และมาตรา 269 วรรคสอง บัญญัติว่า “อนึ่ง บุริมสิทธินี้ยังใช้สำหรับเอาค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอันได้เสียไปเพื่อที่จะสงวนสิทธิหรือรับสภาพสิทธิหรือบังคับสิทธิอันเกี่ยวด้วยสังหาริมทรัพย์นั้นอีกด้วย” อันมีความหมายว่า หนี้ในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์อันจะมีบุริมสิทธิได้ คือ หนี้ค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาอสังหาริมทรัพย์นั้นโดยตรง ซึ่งรวมถึงหนี้ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นที่ได้เสียไปเพื่อที่จะสงวนสิทธิ รับสภาพสิทธิหรือบังคับสิทธิอันเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์นั้นโดยตรงอีกด้วย แต่ในกรณีของผู้ร้องแม้ผู้ร้องจะได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์ แต่การที่ผู้ร้องเข้าไปในบ้านเลขที่ 217/9 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2547 นั้น ข้อเท็จจริงรับฟังได้จากคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 88/2548 ของศาลชั้นต้นว่าการที่ผู้ร้องถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมตัวไปดำเนินคดี เป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากการที่จำเลยไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่าผู้ร้องบุกรุกเข้าไปในบ้านของจำเลย และการที่ผู้ร้องเข้าไปในบ้านของจำเลยก็เพื่อไปหาจำเลย การเรียกค่าเสียหายในการถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกจึงเป็นคนละเรื่องกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาบ้านอันเป็นอสังหาริมทรัพย์นั้นโดยตรง ทั้งค่าเสียหายในการถูกดำเนินคดีดังกล่าวก็เป็นเรื่องค่าเสียหายที่จำเลยอาจทำละเมิดต่อผู้ร้อง ที่ผู้ร้องจะต้องไปดำเนินการแก่จำเลยเป็นคดีอีกส่วนหนึ่งต่างหาก มิใช่เป็นค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการสงวนสิทธิหรือรับสภาพสิทธิหรือบังคับสิทธิอันเกี่ยวด้วยสังหาริมทรัพย์นั้นไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องนั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share