แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกที่ดินแล้วจดทะเบียนโอนใส่ชื่อโจทก์ตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติให้ใช้ค่าเสียหายศาลพิพากษาให้โจทก์และจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินแลกเปลี่ยนตอบแทนกันส่วนคำขอที่เรียกค่าเสียหายให้ยกโดยวินิจฉัยว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเป็นการพิพากษาในประเด็นค่าเสียหายและพิพากษาตามคำขอให้ฟ้องครบถ้วนแล้วเพราะโจทก์ฟ้องบังคับให้แลกเปลี่ยนที่ดินเป็นประธานส่วนค่าเสียหายเป็นคำขอต่อเนื่องเมื่อสามารถปฏิบัติตามคำขอประธานแล้วก็ไม่จำต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำต่อเนื่องอีกและมิใช่กรณีที่จำเลยจะเลือกชำระได้ตามลำพัง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์เป็นเจ้าของครอบครองที่ดินสวนเนื้อที่ 4 ไร่ 1 งาน ตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 3537 จำเลยเป็นเจ้าของครอบครองที่ดินเนื้อที่ 5 ไร่ 70 ตารางวา ตาม น.ส.3 ก.เลขที่ 3536 จำเลยขอแลกเปลี่ยนที่ดินดังกล่าวกับโจทก์ในเนื้อที่เท่า ๆ กัน คิดเป็นเนื้อที่ 3 งาน 87 ตารางวา โดยจำเลยตัดแบ่งที่ดินของจำเลยตอนเหนือแลกเปลี่ยนกับที่ดินของโจทก์ หลังจากนั้นโจทก์จำเลยต่างเข้าครอบครองที่ดินซึ่งแลกเปลี่ยนกัน มีถนนตัดผ่านที่ดินที่โจทก์เข้าครอบครอง จึงเหลือเนื้อที่ 3 งาน67 ตารางวา ต่อมาโจทก์จำเลยได้ขอออกโฉนดในที่ดินดังกล่าวโดยที่ดินที่โจทก์จำเลยแลกเปลี่ยนกันยังคงเป็นชื่อโจทก์จำเลยอยู่เช่นเดิม โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยไปทำการแบ่งแยกโฉนดตามข้อตกลงเดิม แต่จำเลยไม่ยอม ขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกที่ดินด้านเหนือของโฉนดที่ดินเลขที่ 1247 ซึ่งจำเลย (ที่ถูกคือโจทก์) ครอบครองอยู่คิดเป็นเนื้อที่ 3 งาน 67 ตารางวาแล้วโอนทางทะเบียนใส่ชื่อโจทก์ ถ้าจำเลยไม่ยอมแบ่งแยกและโอนใส่ชื่อโจทก์ โจทก์ขอคิดค่าเสียหายจากจำเลยรวมเป็นเงิน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกับโจทก์ตามฟ้อง โจทก์เข้าไปปลูกต้นไม้ในที่ดินของจำเลยเพราะได้ขออนุญาตจำเลยโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย คดีโจทก์ขาดอายุความเรียกร้องเอาคืนฐานลาภมิควรได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกและโอนที่ดินด้านทิศเหนือของโฉนดที่ดินเลขที่ 1247 จำนวนเนื้อที่ 3 งาน67 ตารางวา มีอาณาเขตกว้างยาวภายในกรอบสีเขียวตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.8 ให้แก่โจทก์ โดยให้โจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 1249 ให้แก่จำเลยเป็นการแลกเปลี่ยนตอบแทนกันด้วย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาไม่ครบถ้วนตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์นั้นคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์กับจำเลยตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันและต่างได้เข้าครอบครองที่ดินส่วนที่แลกเปลี่ยนกันแล้ว โจทก์ให้จำเลยไปแบ่งที่ดินเพื่อใส่ชื่อแต่ละฝ่าย จำเลยเพิกเฉยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายรวม 100,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกที่ดินซึ่งจำเลยครอบครองอยู่ตามข้อตกลงแล้วโอนทางทะเบียนใส่ชื่อโจทก์ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติโจทก์คิดค่าเสียหายจากจำเลยรวมเป็นเงิน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนได้ชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินให้แก่โจทก์และให้โจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินแลกเปลี่ยนตอบแทนด้วย ส่วนคำขออื่นให้ยก โดยศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจึงไม่วินิจฉัยประเด็นค่าเสียหายศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนเห็นว่าตามฟ้องโจทก์ที่เรียกค่าเสียหายนั้นเป็นค่าเสียหายในกรณีที่ไม่มีการแลกเปลี่ยนที่ดินต่อกัน เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย พิพากษาให้ยกคำขอของโจทก์ที่เรียกร้องค่าเสียหาย ถือว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1ได้พิพากษาประเด็นค่าเสียหายแล้ว จึงถือว่าได้พิพากษาตามคำขอของโจทก์ครบถ้วนแล้ว เพราะโจทก์ฟ้องบังคับให้แลกเปลี่ยนที่ดินเป็นประธาน ส่วนค่าเสียหายเป็นคำขอต่อเนื่อง เมื่อสามารถปฏิบัติตามคำขอประธานแล้วก็หาจำเป็นต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำขอต่อเนื่องอีกไม่ และมิใช่กรณีที่จำเลยจะเลือกชำระได้ตามลำพัง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน