คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยซื้อรถยนต์พิพาทมาจากป. แต่ยังไม่ได้โอนทะเบียนเป็นชื่อจำเลยต่อมามีผู้อ้างว่าชื่อธ. นำรถยนต์มาขอแลกเปลี่ยนกับรถยนต์พิพาทจำเลยก็ตกลงแลกเปลี่ยนให้หลังจากนั้นโจทก์ได้รับซื้อรถยนต์พิพาทไว้จากชายคนหนึ่งอีก2วันต่อมาจำเลยทราบว่าทะเบียนรถที่ธ. นำมาแลกเปลี่ยนเป็นทะเบียนปลอมเจ้าของรถที่แท้จริงไม่ใช่ธ. จำเลยจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนและขออายัดรถยนต์พิพาทไว้เมื่อได้ความว่าก่อนตกลงแลกเปลี่ยนรถกันจำเลยได้ตรวจดูเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ที่ธ. นำมาขอแลกเปลี่ยนแล้วปรากฏว่าตรงกับในทะเบียนรถและรูปถ่ายในบัตรประชาชนที่นำมาแสดงเหมือนกับผู้ที่อ้างว่าเป็นธ. ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังพอสมควรแล้วแม้จะถือว่านิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทตกเป็นโมฆะเพราะทำด้วยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยกระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจำเลยจึงไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตน และย่อมมีสิทธิในการขออายัดรถยนต์พิพาทได้โดยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับซื้อรถยนต์ไว้จากผู้มีชื่อโดยได้ตรวจสภาพรถยนต์และหลักฐานทะเบียนถูกต้องแล้ว ต่อมาจำเลยได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหาว่าโจทก์รับซื้อรถยนต์ไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและขออายัดทะเบียนรถไว้ พนักงานสอบสวนสอบสวนแล้วเห็นว่าโจทก์ซื้อรถยนต์โดยสุจริตในท้องตลาดจึงถอนการอายัดให้ ต่อมาจำเลยแจ้งความขออายัดรถคันดังกล่าวอีก พนักงานสอบสวนได้อายัดรถของโจทก์ไว้จนบัดนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า เดิมรถยนต์พิพาทเป็นของนายป้อม นายป้อมได้นำมาขายให้จำเลย แต่ยังมิได้ไปโอนทะเบียนเพราะจะรอไว้โอนทะเบียนใส่ชื่อลูกค้าที่จะมาซื้อต่อจากจำเลยในภายหลัก ต่อมานายอธิคม ได้นำรถยนต์หมายเลขทะเบียน 2 ง. 2515 มาติดต่อแลกเปลี่ยนกับรถยนต์คันพิพาทหลังจากแลกเปลี่ยนแล้วจำเลยจึงพบว่าทะเบียนรถของนายอธิคมเป็นทะเบียนปลอม บัตรประชาชนที่นายอธิคมนำมาแสดงก็เป็นคนละคนกับผู้ที่แสดงตัวเป็นนายอธิคม จำเลยจึงแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนขออายัดรถพิพาทอันเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 71,678 บาท 50สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ให้จำเลยถอนการอายัดทางทะเบียนรถยนต์ต่อพนักงานสอบสวน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า รถยนต์พิพาทเดิมเป็นของจำเลยซื้อมาจากนายป้อม แต่ยังไม่ได้โอนทะเบียนเป็นชื่อจำเลยต่อมาในเดือนเมษายน 2524 ชายคนหนึ่งอ้างว่าชื่อนายอธิคม แซ่เตียนำรถยนต์หมายเลขทะเบียน 2 ง. 2515 มาขอแลกเปลี่ยนกับรถยนต์พิพาทจำเลยตรวจดูเลขเครื่องในตัวถังรถปรากฎว่าตรงกับในทะเบียนรถรูปถ่ายในบัตรประชาชนก็เหมือนกับผู้อ้างว่าเป็นนายอธิคม แซ่เตีย เจ้าของรถจำเลยจึงตกลงแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน2 ง. 5215 ต่อมาวันที่ 8 เมษายน 2524 โจทก์รับซื้อรถยนต์พิพาทไว้จากชายคนหนึ่งที่นำมาขายและชำระราคาไปแล้วโดยก่อนซื้อโจทก์ได้ตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ถูกต้องแล้ว หลังจากแลกเปลี่ยนรถกัน 2 วันจำเลยไปตรวจสอบทะเบียนรถที่กองทะเบียน กรมตำรวจ จึงทราบว่าทะเบียนรถที่นายอธิคมนำมาแลกเปลี่ยนเป็นทะเบียนปลอม เจ้าของที่แท้จริงตามทะเบียนรถ คือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด ไม่ใช่นายอธิคม แซ่เตีย และบัตรประชาชนที่ผู้อ้างว่าชื่อนายอธิคม แซ่เตียก็เป็นบัตรปลอม จำเลยจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพญาไท และขออายัดรถยนต์พิพาทไว้ ปัญหามีว่า จำเลยจะต้องรับผิดในการขออายัดรถยนต์พิพาทหรือไม่ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นิติกรรมแลกเปลี่ยนรถระหว่างจำเลยกับนายอธิคมเป็นโมฆะเพราะจำเลยทำด้วยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม กรรมสิทธิในรถยนต์พิพาทยัองเป็นของจำเลยอยู่ จำเลยมีสิทธิในการอายัดทะเบียนรถยนต์พิพาทไว้ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทจำเลยทำโดยเข้าใจผิดในสาระสำคัญแห่งทรัพย์จึงตกเป็นโมฆะแต่จำเลยทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงจะอ้างเอาความไม่สมบูรณ์ดังกล่าวมาเพื่อให้ตนพ้นผิดจากการที่ไปขออายัดรถยนต์พิพาทหาได้ไม่ พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และถอนอายัดทางทะเบียนรถยนต์พิพาท จำเลยฎีกาว่า นิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทจำเลยทำด้วยความระมัดระวังตามสมควรแล้ว มิได้กระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจำเลยไม่ต้องรับผิด ส่วนโจทก์มิได้ฎีกา จึงฟังได้ว่านิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทตกเป็นโมฆะเพราะทำด้วยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าความสำคัญผิดนั้นเป็นเพราะความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของจำเลยหรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ก่อนตกลงแลกเปลี่ยนรถกัน จำเลยได้ตรวจดูเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ที่นายอธิคมนำมาขอแลกเปลี่ยนแล้วปรากฎว่าตรงกับในทะเบียนรถ และรูปถ่ายในบัตรประชาชนที่นำมาแสดงก็เหมือนกับผู้อ้างว่าเป็นนายอธิคม แซ่เตีย เจ้าของรถ จำเลยจึงได้ตกลงแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นการใช้ความระมัดระวังพอสมควรแล้ว เพราะรถยนต์ทุกคันจะต้องมีใบทะเบียนรถเป็นหลักฐานให้ตรวจสอบได้ว่าใครเป็นเจ้าของ การตรวจดูเลขเครื่องในตัวถังรถว่าตรงกับที่ระบุไว้ในทะเบียนรถ และรูปถ่ายในบัตรประชาชนว่าเหมือนกับเจ้าของรถที่นำมาแลกเปลี่ยนหรือไม่ จึงเป็นการใช้ความระมัดระวับพอสมควรแล้ว ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าในทะเบียนรถที่นำมาขอแลกเปลี่ยนมีพิรุธว่าเป็นของปลอมหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ที่นำรถมาแลกเปลี่ยนนั้นไม่ใช่เจ้าของรถจึงไม่มีเหตุที่จะต้องไปขอตรวจสอบหลักฐานทที่กองทะเบียน กรมตำรวจก่อนตกลงแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาท การที่จำเลยทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทโดยมิได้ไปขอตรวจสอบหลักฐานของรถยนต์หมายเลขทะเบียน2 ง. 5215 ที่มีผู้นำมาขอแลกเปลี่ยนที่กองทะเบียนกรมตำรวจ ก่อน จึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่โจทก์อ้างว่า ก่อนโจทก์ตกลงรับซื้อรถยนต์พิพาทไว้จากผู้นำมาขายโจทก์ได้ไปตรวจทะเบียนรถที่กองทะเบียนปรากฎว่าตรงกันและรถยนต์พิพาทเป็นของบริษัทคอมมอนเซอร์วิส จำกัด โจทก์จึงสอบถามไปยังบริษัทดังกล่าวได้รับคำยืนยันว่ามีการซื้อขายกันถูกต้อง โจทก์จึงตกลงรับซื้อนั้น เห็นว่า ผู้ที่นำรถยนต์พิพาทไปขายให้โจทก์มิได้มีชื่อเป็นเจ้าของรถในทะเบียนรถ แต่ตามทะเบียนรถมีชื่อผู้อื่นเป็นเจ้าของรถยนต์พิพาทอยู่ จึงจำเป็นที่จะต้องไปตรวจสอบหลักฐานที่กองทะเบียนกรมตำรวจ และสอบถามผู้มีชื่อเป็นเจ้าของรถตามที่ปรากฎในทะเบียนรถก่อน ซึ่งเป็นการใช้ความระมัดระวังตามสมควร ข้อเท็จจริงไม่เหมือนกับกรณีการแลกเปลี่ยนรถของจำเลย ซึ่งรถที่นำมาขอแลกเปลี่ยนนั้นมีชื่อผู้นำรถมาแลกเปลี่ยนเป็นเจ้าของตามทะเบียนรถที่นำมาแสดง ทั้งรูปถ่ายตามบัตรประชาชนก็เหมือนกับผู้นำรถมาขอแลกเปลี่ยน จึงไม่มีเหตุที่จะระแวงสงสัยและต้องไปขอตรวจสอบหลักฐานจากกองทะเบียน กรมตำรวจดังเช่นกรณีโจทก์ซื้อรถยนต์พิพาทไว้จากผู้ไม่มีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียนรถจำเลยจึงไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกเอาความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตน จำเลยย่อมมีสิทธิในการขออายัดรถยนต์พิพาทหรือทะเบียนรถยนต์พิพาทได้ เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต จำเลยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์และถอนการอายัดทางทะเบียนรถยนต์พิพาท ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ”.

Share