คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3480/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 ได้ยื่นคำขอประกอบการขนส่งรถยนต์บรรทุกที่เช่าซื้อมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดช. และตามใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้ระบุชัดแจ้งว่าผู้ขอจะใช้รถสำหรับทำการขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของผู้ขอเท่านั้น จะไม่นำรถหรือยินยอมให้บุคคลอื่นนำรถไปทำการรับจ้างขนส่งสินค้าหรือบุคคลแต่ประการใด แม้จำเลยที่ 3 ได้โอนสิทธิการเช่าซื้อรถดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 ไปแล้ว ก็เป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ของรถเท่านั้นจำเลยที่ 3 หาได้บอกเลิกการประกอบการขนส่งที่เป็นสิทธิเฉพาะ ตัวของจำเลยที่ 3 แก่ทางราชการไม่ กลับยินยอมให้จำเลยที่ 2 นำรถยนต์ไปประกอบการขนส่งในชื่อ จำเลยที่ 3 ได้อีกเมื่อรถคันดังกล่าวโดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เป็นผู้ขับขี่ได้กระทำละเมิดแก่โจทก์ได้รับความเสียหาย พฤติการณ์จึงถือว่าจำเลยที่ 3 และที่ 2 ร่วมกันประกอบการขนส่ง และถือว่าจำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ที่ปฏิบัติการไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดกับจำเลยที่ 1.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3ขับรถยนต์บรรทุกในทางการที่จ้างกระทำละเมิดต่อโจทก์เป็นเหตุให้เสาสะพานและราวสะพานของโจทก์แตกหักชำรุดเสียหายใช้การไม่ได้ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 86,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 6,502.50 บาท รวมเป็นเงิน 93,202.50 บาทและให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 86,700 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 3 มิได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ร่วมกับจำเลยที่ 2 เพียงแต่เคยเช่าซื้อรถคันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ช. ต่อมาได้ขายและโอนการครอบครองแก่จำเลยที่ 2 จนจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับห้างหุ้นส่วนจำกัดชีวินยนต์แล้ว จำเลยที่ 1 จึงมิใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ไม่ได้ขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 เหตุที่รถชนกันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของนายสอน ยิ้มมณี ความเสียหายของโจทก์ไม่เกิน20,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 93,202.50 บาท ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 86,700 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งหมด
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทขับแซงเบียดกระแทกจนรถที่ถูกแซงไปเบียดสะพานทำให้สะพานของโจทก์ได้รับความเสียหาย…ข้อที่จะวินิจฉัยต่อไปมีว่า จำเลยที่ 3 จะต้องร่วมรับผิดด้วยหรือไม่ ได้ความจากนายสุรศักดิ์ บุรภัทร์ นายช่างตรวจสภาพรถประจำสำนักงานขนส่งจังหวัดขอนแก่นเบิกความว่า จำเลยที่ 3ได้ยื่นคำขอประกอบการขนส่งรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-3211ขอนแก่น ที่เช่าซื้อมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดชีวินยนต์ ตั้งแต่วันที่25 ธันวาคม 2523 ซึ่งหากไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่ง ก็จะนำรถออกประกอบการขนส่งไม่ได้ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.4, จ.5, จ.7 และจ.8 และจำเลยที่ 3 ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 กฎกระทรวง เงื่อนไข ประกาศ คำสั่ง และระเบียบตามที่ใบอนุญาตประกอบการขนส่งได้ระบุไว้ โดยเฉพาะตามเอกสารหมาย จ.4ข้อ 8 ระบุไว้ชัดแจ้งว่าผู้ขอจะใช้รถสำหรับทำการขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของผู้ขอเท่านั้น จะไม่นำรถหรือยินยอมให้บุคคลอื่นนำรถไปทำการรับจ้างขนส่งสินค้าหรือบุคคลแก่ประการใด แม้จำเลยที่ 3ได้โอนสิทธิการเช่าซื้อรถดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 ไปแล้ว ก็เป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ของรถเท่านั้น จำเลยที่ 3 หาได้บอกเลิกการประกอบการขนส่งที่เป็นสิทธิเฉพาะตัวของจำเลยที่ 3 แก่ทางราชการไม่ กลับยินยอมให้จำเลยที่ 2 นำรถยนต์ไปประกอบการขนส่งในชื่อจำเลยที่ 3 ได้อีกต่อไปพฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าจำเลยที่ 3 และที่ 2 ร่วมกันประกอบการขนส่งและถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 3 ที่ปฏิบัติการไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 ด้วย จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดกับจำเลยที่ 1 เช่นเดียวกัน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.

Share