คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานยศสิบตำรวจเอกได้พูดกับโจทก์ร่วมว่าร้านของโจทก์ร่วมเป็นเจ้ามือหวยเถื่อน อย่างนี้ต้องมีผลประโยชน์และให้เอาเงินใส่ซองมาให้บ้าง ถ้าไม่ให้จะตาม สวป. (สารวัตรปกครองป้องกัน) มาดำเนินการจับกุมเมื่อโจทก์ร่วมไม่ให้เงินแก่จำเลยจำเลยได้ไปแจ้งเหตุต่อสารวัตรปกครองป้องกันว่า พวกในตลาดกำลังเล่นการพนันสลากกินรวบขอให้ไปทำการจับกุมตามที่จำเลยขู่โจทก์ร่วมแต่ปรากฏว่าไม่มีการเล่นแต่อย่างใดถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจูงใจเพื่อให้โจทก์ร่วมจ่ายเงินให้ โดยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายวินิต นพรัตน์ ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 จำคุก 6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหามีว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยได้พูดกับโจทก์ร่วมว่าร้านของโจทก์ร่วมเป็นเจ้ามือหวยเถื่อนอย่างนี้ต้องมีผลประโยชน์และให้เอาเงินใส่ซองมาให้บ้าง ถ้าไม่ให้จะไปตาม สวป.มาดำเนินการจับกุมจริง ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยมีเจตนาจะให้โจทก์ร่วมจ่ายเงินให้แก่ตนหรือไม่ ข้อนี้เมื่อโจทก์ร่วมไม่ให้เงินแก่จำเลยจำเลยได้ไปแจ้งเหตุต่อพันตำรวจโทวิมาน เวชสวรรค์ สารวัตรปกครองป้องกันว่า พวกในตลาดบางซ้ายกำลังเล่นการพนันสลากกินรวบขอให้ไปทำการจับกุม พันตำรวจโทวิมานสั่งร้อยตำรวจเอกวิเชียรรองสารวัตรปกครองป้องกันไปสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด ต่อมาร้อยตำรวจเอกวิเชียรมารายงานให้ทราบว่า ไม่มีการเล่นพนันสลากกินรวบ เห็นได้ว่า เมื่อจำเลยไม่ได้เงินจากโจทก์ร่วม จึงไปแจ้งเหตุต่อสารวัตรปกครองป้องกันตามที่จำเลยขู่โจทก์ร่วม ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจูงใจเพื่อให้โจทก์ร่วมจ่ายเงินให้ โดยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังขึ้น”
พิพากษากลับ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share