คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3474/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินโดยปรากฏหนังสือจำเลยถึงโจทก์ตามเอกสารท้ายฟ้องว่า จำเลยกำลังรอให้สำนักงานใหญ่สั่งการมา ถ้าได้รับการสั่งการให้รับชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองได้ก็จะติดต่อกับโจทก์ทันทีจำเลยให้การว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่มีคำเสนอชำระหนี้จำนองแก่จำเลย เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณาดังนี้ตามเอกสารท้ายฟ้องและคำให้การจำเลย แสดงว่าจำเลยยังถือว่าหนี้จำนองยังมีอยู่ มิได้ระงับไปดังที่โจทก์กล่าวอ้าง จึงชอบที่โจทก์จำเลยจะต้องนำสืบในประเด็นข้อนี้ต่อไป เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นข้อนี้แล้วพิพากษาคดีไป ย่อมไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งติดจำนองอยู่กับจำเลยต่อมาโจทก์ขอไถ่ถอนจำนอง จำเลยขัดข้อง ขอบังคับจำเลยให้จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้แก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ที่ดินแปลงนี้ถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีอื่นโจทก์ขอจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองโดยไม่เสนอชำระหนี้จำนองเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นชี้สองสถานแล้วให้งดสืบพยาน วินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าหนี้จำนองระงับแล้ว จำเลยไม่ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้ง ถือว่าจำเลยรับข้อเท็จจริงนี้ โจทก์มีอำนาจฟ้องโดยไม่ต้องเสนอชำระหนี้จำนอง พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินตามฟ้องให้แก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ สมควรที่ศาลชั้นต้นจะสืบพยานทั้งสองฝ่ายให้ได้ความชัดเสียก่อน พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปจนสิ้นกระแสความ แล้วพิพากษาใหม่ ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า ตามเอกสารท้ายฟ้องมีข้อความชัดเจนว่า นางเอมอร ผู้โอนได้จำนองที่ดินตามฟ้องไว้แก่จำเลยเพื่อประกันหนี้ที่จำเลยออกหนังสือค้ำประกันไว้ต่อบริษัทเอสโซ่แสตนดาร์อิสเทอร์น จำกัดในวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท และหนังสือค้ำประกันดังกล่าวได้ยกเลิกแล้วซึ่งจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าวโดยชัดเจน ข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่าหนังสือค้ำประกันนั้นถูกยกเลิกไปจริงและหนี้จำนองระงับแล้ว โจทก์จึงฟ้องบังคับจำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินตามฟ้องโดยไม่ต้องเสนอชำระหนี้จำนองแก่จำเลย พิเคราะห์แล้ว ปรากฏตามคำให้การของจำเลยข้อ 2 ว่า คำฟ้องของโจทก์ไม่มีคำเสนอชำระหนี้จำนองแก่จำเลยจึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบที่ศาลจะรับไว้พิจารณา และตามเอกสารท้ายฟ้องหมาย 3 ซึ่งเป็นหนังสือของจำเลยที่ตอบให้โจทก์ทราบเรื่องการขอไถ่ถอนจำนองก็ระบุข้อความตอนหนึ่งว่า “ธนาคารฯ ขอเรียนว่าการดำเนินการรับไถ่ถอนจำนองที่ดินแปลงดังกล่าวธนาคารเอเชีย จำกัด สาขานครราชสีมา (จำเลย) ต้องรอให้สำนักงานใหญ่สั่งการมายังสาขานครราชสีมาดำเนินการก่อน ดังนั้น เมื่อธนาคารเอเชียจำกัด สาขานครราชสีมา ได้รับการสั่งการให้รับการชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองจากท่านได้จะติดต่อให้ท่านทราบทันที ฯลฯ” เห็นว่าตามคำให้การของจำเลยก็ดีและตามเอกสารท้ายฟ้องหมาย 3 ก็ดี แสดงว่าจำเลยยังถือว่าหนี้จำนองยังมีอยู่มิได้ระงับไปดังที่โจทก์กล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงชอบที่โจทก์จำเลยจะต้องนำสืบในประเด็นข้อนี้อีกต่อไป เพราะข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นข้อนี้แล้วพิพากษาคดีไปนั้น จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

พิพากษายืน

Share