คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่สงวนไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(3) นั้น แม้จะถูกราษฎรใช้ประโยชน์มานานเท่าใดก็ตาม ก็ไม่ทำให้ที่ดินนั้นเปลี่ยนสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทอื่นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดินอยู่ติดกับทางสาธารณะซึ่งกว้าง 10 เมตร จำเลยได้ก่อกำแพงกั้นทางสาธารณะกว้างประมาณ 7.50 เมตร ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ทางสาธารณะได้สะดวกเหมือนเดิม ขอให้บังคับจำเลยรื้อกำแพงออกจากแนวเขตสาธารณะและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า ทางสาธารณะกว้างเพียง 2 เมตรเศษ ที่ดินส่วนที่จำเลยกั้นกำแพงนั้นไม่ใช่ทางสาธารณะแต่เป็นที่ดินซึ่งทางราชการหวงไว้ใช้ราชการขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นทางสาธารณะ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งก่อสร้างออกไป และใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏตามแผนที่พิพาทว่าที่ดินของโจทก์ทั้งสองอยู่ภายในเส้นสีน้ำเงิน ที่ดินของจำเลยอยู่ภายในเส้นสีแดง ทางด้านตะวันออกที่ดินของโจทก์ทั้งสองอยู่ห่างจากที่ดินของจำเลย 2.40 เมตร โจทก์จำเลยรับกันว่าแผนที่พิพาทนี้ถูกต้องก็เท่ากับโจทก์ยอมรับว่าที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาทนั้นเป็นที่ดินของจำเลย ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(3) ดังนั้นแม้ที่ดินของจำเลยนี้จะถูกราษฎรใช้ประโยชน์ตั้งแต่เมื่อใดและเป็นจำนวนเนื้อที่เท่าใดก็ไม่ทำให้ที่ดินส่วนที่ถูกราษฎรใช้ประโยชน์นั้นเปลี่ยนสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทอื่นได้ ที่ดินของจำเลยก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะอยู่เช่นนั้น

พิพากษายืน

Share