แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เกลี้ยกล่อมหลอกลวงผู้ปกครองเอาเด็กไปเพื่อหากำไรเด็กเต็มใจไปและผู้ปกครองก็ยินยอมให้เด็กไปเพราะหลงเชื่อคำหลอกลวงดังนี้ เป็นผิดตาม ม. 275 ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามมาตรา 274 จำเลยฝ่ายเดียวฎีกาว่าไม่ผิด ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นผิด ม. 275 และ โจทก์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 285 ด้วย ดังนี้ ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ลงโทษตามมาตรา 275 ได้
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยสมคบกันเกลี้ยกล่อมใช้อุบายหลอกลวงผู้ปกครองเด็กหญิงหลายคนว่าจะขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมของตนบ้างของน้องสาวบ้าง ของหลานสาวบ้างและจะให้ได้รับความสุข ให้การศึกษา ผู้ปกครองของเด็กยินยอมให้เด็กไปกับจำเลย และเด็กเหล่านั้นก็เต็มใจไปกับจำเลย เพราะเชื่อคำเกลี้ยกล่อมของจำเลย แต่แล้ว จำเลยกลับนำเด็กไปมอบให้แก่บุคคลต่าง ๆ โดยได้รับเงินจากบุคคลเหล่านั้นเป็นค่าคอบแทนโจทก์ฟ้องขอให้ ลงโทษตามมาตรา ๒๗๓ ๒๗๔ ๒๗๕ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๔๗๔ มาตรา ๖
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา ๒๗๔ จำคุกจำเลย ๑ ปี
จำเลยฎีกาว่า ตามมาตราที่โจทก์ก็อ้างมานั้นเป็นกรณีเรื่องลักเด็กโดยฉะเพาะ ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ปกครองยินยอมให้เด็กไปกับจำเลยดังคดีนี้
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ใช้อุบายล่อลวงว่าจะรับเด็กไปเป็นบุตรบุญธรรมและเมื่อได้ตัวเด็กไปแล้วจำเลยกลับเอาไปยกให้คนอื่นโดยรับเงินเอาเงินมาเป็นการตอบแทนดังนี้ ถือได้ว่า จำเลยได้เกลี้ยกล่อมพาเอาเด็กไปเสียจากผู้ปกครองโดยเจตนาจะหากำไรเป็นผิดตามมาตรา ๒๗๕ อนึ่งแม้โจทก์ จำเลยจะมิได้คัดค้านว่าการกรกะทำอย่างนี้ ถ้าเป็นผิดควรผิดต่อมาตรา ๒๗๕ แต่เมื่อปรากฏต่อหน้าศาลว่าความจริงกรณีอย่างนี้อยู่ในบังคับมาตรา ๒๗๕ และความผิดตามมาตรา ๒๗๕ กับความผิดตามมาตรา ๒๗๔ อยู่ในประเภทเดียวกัน ทั้งกำหนดโทษตามมาตรา ๒๗๕ ก็ต่ำกว่ามาตรา ๒๗๔ ศาลแก้บท ลงโทษ จำเลยได้ และฟ้องของ โจทก์ก็ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๗๕ จึง พิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษ จำเลยตามมาตรา ๒๗๕