แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การที่คนร้ายอ้างว่าชื่อ ส.และพ. ไปขอเช่ารถยนต์คันที่จำเลยรับประกันภัยไว้จากบ. ซึ่ง บ. เช่าซื้อมาจากโจทก์โดยระบุโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนและใบขออนุญาตขับรถยนต์ปลอมแสดงต่อบ. บ.ตกลงให้เช่า แต่เมื่อได้รับรถยนต์ไปจากบ. แล้ว คนร้ายไม่นำมาคืนแสดงให้เห็นว่าคนร้าย มีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวง บ. ให้ส่งมอบรถยนต์แก่คนร้ายมาตั้งแต่ต้น ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าคนร้ายเป็นบุคคลที่มีชื่อและภูมิลำเนาตามเอกสารปลอมมีความประสงค์จะเช่ารถยนต์ บ. หลงเชื่อว่าเป็นความจริงจึงยินยอมส่งมอบรถยนต์ให้แก่คนร้ายไป ความจริงคนร้ายแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและไม่มีประสงค์จะเช่ารถยนต์ การกระทำของคนร้ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงไม่ใช่ความผิดฐาน ลักทรัพย์หรือยักยอกอันจะเป็นข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยต้อง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน3 ฉ-0730 กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2531 นายบุญลือหรือบุญส่ง เป๋รัตนสำราญ เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวไปจากโจทก์แล้วนำไปทำสัญญาประกันภัยไว้กับจำเลยในวงเงินประกันภัยจำนวน330,000 บาท มีระยะเวลาประกันภัยตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2531ถึงที่วันที่ 13 กันยายน 2532 ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์และจำเลยยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับประโยชน์ในกรณีที่รถยนต์เอาประกันภัยเกิดสูญหาย ต่อมาวันที่ 5 พฤษภาคม 2532 มีคนร้ายมาเอารถยนต์ของโจทก์คันดังกล่าวไปเสียจากความครอบครองของนายบุญลือด้วยการหลอกลวงโดยทุจริตนายบุญลือได้สืบหารถยนต์คันดังกล่าว แต่ไม่พบ จึงได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบและติดต่อให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 330,000 บาท ตามสัญญาประกันภัย แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 348,425 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 330,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัยได้กำหนดข้อยกเว้นความเสียหายต่อรถยนต์ไว้ในข้อ 3.7 ว่า การประกันภัยนี้ไม่คุ้มครองความเสียหายหรือสูญหายเกิดจากการลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์รถยนต์คันดังกล่าวได้สูญหายไปเนื่องจากนายบุญลือผู้เอาประกันภัยได้ให้นายสมศักดิ์ กุลโบน เช่าตามปกติการค้าของผู้เอาประกันภัย แต่นายสมศักดิ์ไม่นำรถยนต์มาคืน โดยนายสมศักดิ์ได้ยักยอกหรือลักทรัพย์รถยนต์คันดังกล่าวไปจำเลยผู้รับประกันภัยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 330,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2532จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องไม่เกิน18,425 บาท จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยจำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งฟังได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 3 ฉ-0730 กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12กันยายน 2531 โจทก์ได้ให้นายบุญลือหรือบุญส่ง เป๋รัตนสำราญเช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวไปตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.5นายบุญลือได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปประกันภัยกับจำเลยโดยให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2531ระยะเวลาประกันภัยเริ่มตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2531 สิ้นสุดวันที่ 13 กันยายน 2532 ในวงเงินที่เอาประกันภัย 330,000 บาทโดยให้ความคุ้มครองในการที่นายบุญลือจะนำรถยนต์คันที่เช่าซื้อออกใช้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรับจ้าง หรือให้เช่าได้ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย จ.6 นายบุญลือได้นำรถยนต์คันดังกล่าวให้บุคคลอื่นเช่าเป็นรายวัน เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2532ได้มีคนร้าย 2 คน อ้างว่าชื่อนายสมศักดิ์ กุลโบนและนายสมพงษ์ บุญศิริ มาขอเช่ารถยนต์คันดังกล่าวจากนายบุญลือเป็นเวลา 2 วัน นายบุญลือคิดค่าเช่าเป็นเงิน 3,000 บาท ตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.11 คนร้ายดังกล่าวได้นำบัตรประจำตัวประชาชนและใบอนุญาตขับรถมาแสดง ต่อนายบุญลือ ซึ่งนายบุญลือได้ถ่ายสำเนาไว้ตามเอกสารหมาย จ.12 และ จ.13 เมื่อถึงกำหนดส่งมอบรถยนต์คืนคนร้ายไม่นำมาคืน นายบุญลือได้ออกติดตามหาแต่ไม่พบ จึงไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองเชียงใหม่ เจ้าพนักงานตำรวจได้นำภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนและใบอนุญาตขับรถของคนร้ายไปตรวจสอบปรากฏว่า เป็นเอกสารปลอมทั้งสองฉบับ
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า การที่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 3 ฉ-0730 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเอาประกันภัยไว้กับจำเลยสูญหายไปเป็นความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดจากการลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์โดยบุคคลที่ได้รับมอบหรือครอบครองรถยนต์ตามสัญญาเช่าเป็นกรณีที่เข้าข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยข้อ 3.7.7. จำเลยจึงไม่ต้องรับใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นั้น เห็นว่า การที่คนร้าย 2 คน อ้างว่าชื่อนายสมศักดิ์ กุลโบน และนายสมพงษ์ บุญศิริ ไปขอเช่ารถยนต์คันดังกล่าวจากนายบุญลือ เป๋รัตนสำราญ มีกำหนด 2 วันโดยใช้บัตรประชาชนและใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอมแสดงต่อนายบุญลือ นายบุญลือตกลงให้เช่าโดยคิดค่าเช่า 3,000 บาทแต่เมื่อได้รับรถยนต์คันดังกล่าวไปจากนายบุญลือแล้วคนร้ายไม่นำมาคืนเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าคนร้ายดังกล่าวมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงนายบุญลือให้ส่งมอบรถยนต์แก่คนร้ายมาตั้งแต่ต้น ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าคนร้ายดังกล่าวเป็นบุคคลที่มีชื่อและภูมิลำเนาตามเอกสารปลอมมีความประสงค์จะเช่ารถยนต์ นายบุญลือหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงยินยอมส่งมอบรถยนต์ให้แก่คนร้าย ความจริงคนร้ายแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและไม่มีความประสงค์จะเช่ารถยนต์แต่อย่างใด การกระทำของคนร้ายดังกล่าวเป็นความผิดฐานฉ้อโกง หาใช่ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกดังที่จำเลยฎีกาไม่ กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน