แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทลงโทษจำเลยจากลักทรัพย์เป็นฉ้อโกงแต่คงให้ลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปี เท่ากับศาลชั้นต้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฟ้องว่าลักทรัพย์ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่าเป็นฉ้อโกง เมื่อจำเลยนำสืบว่ากระบือที่จำเลยรับมาเป็นกระบือของจำเลย ถือไม่ได้ว่าจำเลยหลงต่อสู้ ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192วรรคสามได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันลักเอากระบือ 1 ตัว อันเป็นสัตว์มีไว้สำหรับประกอบกสิกรรมของผู้เสียหายซึ่งมีอาชีพทำนา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ฯลฯ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(12) ฯลฯ ลงโทษจำคุก 3 ปี ให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้ราคากระบือยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทลงโทษจำเลยแต่คงให้จำคุกจำเลยสามปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ข้อที่จำเลยฎีกาว่า กระบือที่จำเลยรับมาเป็นกระบือของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นฉ้อโกง แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องว่าเป็นเรื่องลักทรัพย์ แต่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสามบัญญัติว่าในกรณีที่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงต่างกันระหว่างการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ กรรโชก ฉ้อโกง ฯลฯ มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ เว้นแต่จะปรากฏแก่ศาลว่าการที่ฟ้องผิดไปเป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ จำเลยคงนำสืบว่ากระบือที่จำเลยที่ 1 รับมาเป็นกระบือของตน มิใช่จำเลยที่ 1 หลงต่อสู้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน