แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 90/26 วรรคสาม บัญญัติให้นำบทบัญญัติในเรื่องการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามมาตรา 91 วรรคสอง มาใช้บังคับเกี่ยวกับการขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการโดยอนุโลม ดังนั้น ในชั้นยื่นคำขอรับชำระหนี้ เมื่อเจ้าหนี้มีบัญชีแสดงรายละเอียดแห่งหนี้สิน และข้อความระบุถึงหลักฐานประกอบหนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นการยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยชอบแล้ว หากมีผู้โต้แย้งย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการสอบสวนตามมาตรา 90/32 วรรคสองเพื่อค้นหาความจริงว่าหนี้นั้นขอรับชำระได้หรือต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 90/27 ทั้งนี้ ย่อมใช้อำนาจดังกล่าวในการค้นหาความจริงได้อย่างกว้างขวางเพื่อประโยชน์ของความเป็นธรรม มิใช่เคร่งครัดจำกัดเพียงดูจากหลักฐานในคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ชั้นยื่นคำขอรับชำระหนี้เท่านั้น ดังนั้น นอกจากพยานหลักฐานของฝ่ายเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ที่จะนำอ้างส่งประกอบคำขอรับชำระหนี้แล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เจ้าหนี้หรือบุคคลอื่นใดนำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนเพิ่มเติมก่อนมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 90/32 วรรคสอง ได้ และในกรณีที่มีการคัดค้านคำสั่งดังกล่าวของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลตามมาตรา 90/32 วรรคสาม ศาลก็ย่อมมีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยโดยรับฟังพยานหลักฐานทุกอย่างทั้งที่ยื่นในชั้นขอรับชำระหนี้และยื่นเพิ่มเติมในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ หากศาลเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าหนี้รายนั้นขอรับชำระหนี้ได้ หรือต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ หาใช่เป็นกรณีวินิจฉัยและรับฟังพยานหลักฐานเกินกว่าคำขอชำระหนี้ไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัทไทยเอ.บี.เอส. จำกัด ลูกหนี้เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2543 และตั้งบริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟแพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้ทำแผน ต่อมาศาลได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการโดยมีบริษัทเอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด เป็นผู้บริหารแผน
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการในมูลหนี้ค่าสัญญาค้ำประกันรวมเป็นเงิน 2,226,817,607.17 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน1,492,762,607.18 บาท นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้จนกว่าจะได้รับชำระเสร็จ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้เจ้าหนี้ ลูกหนี้ หรือผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/29 แล้ว ผู้ร้องในฐานะผู้บริหารแผนโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้ว่า หนี้อันดับ 1 ถึง 4 เจ้าหนี้ตามสัญญาค้ำประกันยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้เต็มจำนวนแล้ว ส่วนหนี้อันดับ 5 สำเนาสัญญาค้ำประกันแนบท้ายคำขอรับชำระหนี้มิใช่สัญญาค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการในมูลหนี้ตามสัญญาค้ำประกันอันดับ 5 เป็นเงิน 77,064,607.18 บาทจากลูกหนี้โดยมีเงื่อนไขว่าเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ต่อเมื่อได้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ไปแล้วส่วนหนี้อันดับ 1 ถึง 4 ให้ยกเสีย
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับฟังพยานหลักฐานและมีคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับ 5 ในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ที่มีต่อบริษัทเจแปน ลิสซิ่ง (ฮ่องกง) จำกัด เป็นเงินต้น 77,064,607.18 บาท แต่ได้ยื่นหลักฐานประกอบหนี้เป็นสำเนาหนังสือสัญญาค้ำประกันระหว่างเจ้าหนี้กับบริษัทเจแปน ลิสซิ่ง(ฮ่องกง) จำกัด เพื่อค้ำประกันหนี้ของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมิกัลไทย จำกัด อันมิใช่สัญญาค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ในคดีนี้ ในระหว่างการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าหนี้ส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมคือ หนังสือสัญญาค้ำประกันระหว่างเจ้าหนี้กับบริษัทเจแปน ลิสซิ่ง (ฮ่องกง) จำกัด เพื่อค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ อันเป็นฉบับที่ถูกต้องพร้อมคำแปลต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามเอกสารท้ายคำร้องของเจ้าหนี้ฉบับลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2543 ในสำนวนคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ คดีมีปัญหาที่ต้องพิจารณาตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และศาลล้มละลายกลางหยิบยกเอาหนังสือสัญญาค้ำประกันที่เจ้าหนี้มิได้ยื่นไว้พร้อมกับการยื่นคำขอรับชำระหนี้ แต่เพิ่งอ้างส่งในชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้มาวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่เจ้าหนี้ถือว่าเป็นการวินิจฉัย และรับฟังพยานหลักฐานเกินกว่าคำขอรับชำระหนี้อันเป็นการพิจารณาและมีคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/26 วรรคสาม บัญญัติให้นำบทบัญญัติในเรื่องการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามมาตรา 91 วรรคสอง มาใช้บังคับเกี่ยวกับการขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการโดยอนุโลม โดยบทบัญญัติดังกล่าวกำหนดว่า “คำขอรับชำระหนี้นั้นต้องทำตามแบบพิมพ์โดยมีบัญชีแสดงรายละเอียดแห่งหนี้สิน และข้อความระบุถึงหลักฐานประกอบหนี้และทรัพย์สินอย่างหนึ่งอย่างใดของลูกหนี้ที่ยึดถือไว้เป็นหลักฐาน หรือตกอยู่ในความครอบครองของเจ้าหนี้” เหตุนี้ ในชั้นยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อเจ้าหนี้มีบัญชีแสดงรายละเอียดแห่งหนี้สิน และข้อความระบุถึงหลักฐานประกอบหนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยชอบแล้ว ต่อจากนั้นหากมีผู้โต้แย้งย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการสอบสวนตามมาตรา 90/32 วรรคสอง เพื่อค้นหาความจริงว่าหนี้นั้นขอรับชำระได้หรือต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามมาตรา 90/27 ทั้งนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมใช้อำนาจดังกล่าวในการค้นหาความจริงได้อย่างกว้างขวางเพื่อประโยชน์ของความเป็นธรรม มิใช่เคร่งครัดจำกัดเพียงดูจากหลักฐานในคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ชั้นยื่นคำขอรับชำระหนี้เท่านั้น กล่าวคือ นอกจากพยานหลักฐานของฝ่ายเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ที่จะนำอ้างส่งประกอบคำขอรับชำระหนี้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เจ้าหนี้หรือบุคคลอื่นใดนำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนเพิ่มเติมก่อนมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 90/32 วรรคสอง ได้ และในกรณีที่มีการคัดค้านคำสั่งดังกล่าวของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลตามมาตรา 90/32 วรรคสาม ศาลก็ย่อมมีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยโดยรับฟังพยานหลักฐานทุกอย่าง ทั้งที่ยื่นในชั้นขอรับชำระหนี้และยื่นเพิ่มเติมในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ หากศาลเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าหนี้รายนั้นขอรับชำระหนี้ได้ หรือต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งว่า เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับที่ 5 ซึ่งเป็นการค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ที่มีต่อบริษัทเจแปน ลิสซิ่ง (ฮ่องกง) จำกัด อย่างถูกต้อง แต่ยื่นหลักฐานประกอบหนี้บางฉบับผิดพลาดโดยยื่นสำเนาสัญญาค้ำประกันหนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับบริษัทเจแปน ลิสซิ่ง (ฮ่องกง) จำกัดฉบับค้ำประกันหนี้ของบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมิกัลไทย จำกัด มิใช่ฉบับค้ำประกันหนี้ของลูกหนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าหนี้ได้ขออนุญาตยื่นสำเนาสัญญาค้ำประกันฉบับที่ถูกต้องในชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ดังนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจอนุญาตให้เจ้าหนี้ยื่นหลักฐานดังกล่าวเพิ่มเติมและรับฟังเป็นพยานหลักฐานประกอบคำขอรับชำระหนี้ที่ยื่นไว้โดยชอบตั้งแต่ชั้นเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ กระบวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายทุกประการแล้ว นอกจากนี้การที่ศาลล้มละลายกลางวินิจฉัยว่าเจ้าหนี้ยื่นหลักฐานประกอบหนี้เป็นการเพียงพอตามกฎหมายแล้วนั้น ก็ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลล้มละลายที่กระทำได้เช่นกัน หาใช่เป็นกรณีวินิจฉัยและรับฟังพยานหลักฐานเกินกว่าคำขอรับชำระหนี้ไม่ ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องนั้นชอบแล้วอุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน