แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เมื่อคำบรรยายฟ้องของโจทก์ให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนผลแห่งละเมิด พอแปลได้ว่ารวมถึงค่าเสียหายเพื่อการเสียความสามารถประกอบการงานแต่บางส่วน ทั้งในเวลาปัจจุบันและอนาคตด้วย ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 ศาลย่อมพิพากษาให้ผู้ทำละเมิดรับผิดในค่าเสียหายดังกล่าวได้ กรณีมิใช่พิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้เด็กชายอุศเรนทร์รับอันตรายสาหัส ขาซ้ายหักต้องใช้เหล็กดาม เดินไม่ได้ตามปกติทำงานหนักไม่ได้ ขาซ้ายพิการตลอดชีวิต จำเลยผู้ทำละเมิดต้องใช้ค่ารถจักรยานสองล้อ 1,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 3,085 บาท ก่อนเกิดเหตุเด็กชายอุศเรนทร์ช่วยโจทก์ขายขนมจีนและทำน้ำพริกน้ำยาทั้งไม่สามารถทำงานหนักได้ เมื่อขาซ้ายพิการตลอดชีวิต ทำให้เสียความสามารถประกอบการทำงานตามปกติและภายหน้า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายส่วนนี้จากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 444 กำหนดค่าเสียหาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ศาลชั้นต้นสั่งรับแต่ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย เพราะโจทก์ไม่ใช้เจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน จ.บ.09101 ที่ถูกชน โจทก์เป็นแต่เพียงผู้ยืมรถคันนี้มาจากนายวินัยและใช้รถคันดังกล่าวเป็นปกติของการใช้รถ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าของและไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับช่วงสิทธิ
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์คดีนี้ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน จ.บ.09101 ที่ถูกชน เพราะโจทก์เป็นแต่เพียงผู้ยืมเท่านั้นในการยืมใช้คงรูปนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 643ได้บัญญัติให้ผู้ยืมต้องรับผิดต่อผู้ให้ยืมเฉพาะแต่ในกรณีผู้ยืมเอาทรัพย์ที่ยืมไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญา หรือเอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอย หรือเอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ ซึ่งคดีนี้ไม่ปรากฏเหตุดังกล่าวเลย และการที่รถที่โจทก์ขับได้รับความเสียหายก็มิใช่เป็นความผิดของโจทก์ หากแต่เป็นความผิดของบุคคลภายนอก ฉะนั้นโจทก์ในฐานะผู้ยืมจึงไม่ต้องรับผิดต่อเจ้าของทรัพย์และแม้ว่าโจทก์จะได้ซ่อมรถคันที่โจทก์ยืมมาไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม โจทก์ไม่อยู่ในฐานะที่จะรับช่วงสิทธิของเจ้าของรถที่จะเรียกร้องให้จำเลยรับผิดได้เพราะการรับช่วงสิทธิจะมีได้ต่อเมื่อผู้รับช่วงสิทธิมีหนี้อันจะต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้คือเจ้าของ เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้รับช่วงสิทธิจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องและพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 4ฟังขึ้น คดีนี้แม้จำเลยที่ 1 ที่ 3 จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมา แต่มูลกรณีเป็นการฟ้องขอให้ชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เป็นเรื่องอำนาจฟ้อง จึงให้คำพิพากษาฉบับนี้มีผลถึงจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่มิได้ฎีกาขึ้นมาด้วย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับทั้งสองฝ่าย”