คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3448/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวและยังไม่ถึงที่สุด ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้ เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว กลับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย แล้วพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยครอบครองเงินจำนวน 40,000 บาท ของนายอดุลย์ผู้เสียหาย ได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไปเป็นของตนเองโดยทุจริต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเงินจำนวน 38,000 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 2,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน ให้จำเลยคืนเงิน 2,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์โจทก์ไม่คัดค้าน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวและยังไม่ถึงที่สุด ผู้เสียหายจะถอนคำร้องทุกข์เสียเมื่อใดก็ได้ เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์สิทธินำคดีอาญามาฟ้อง ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)ต้องยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าวกลับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยแล้วพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย จึงเป็นการไม่ชอบ
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share