คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5005/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีระเบียบเกี่ยวกับเงินประกันความว่า “หากมีความเสียหายเกิดขึ้นอันอยู่ในความรับผิดชอบตามหน้าที่ของพนักงาน ไม่ว่าจะโดยเจตนา ไม่เจตนา ประมาทเลินเล่อ อันเป็นความผิดจากการกระทำของพนักงาน โรงพยาบาลมีสิทธิหักค่าเสียหายออกจากเงินประกันได้ทันทีตามความเป็นจริง และพนักงานต้องไม่กระทำความผิดสถานร้ายแรงตามกฎหมาย และถูกเลิกจ้างตามความผิดนั้นโรงพยาบาลจะคืนเงินประกันให้” การที่โจทก์ขาดงานอันเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นเวลาติดต่อกันถึงห้าวัน ย่อมเป็นการเสียหายแก่จำเลยอยู่ในตัว และถือได้ว่าเป็นการร้ายแรง เมื่อโจทก์ถูกเลิกจ้างเพราะเหตุนี้ จึงเข้าเกณฑ์ตามระเบียบดังกล่าว ซึ่งจำเลยมีสิทธิหักเงินประกันได้
ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทและบันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า สำหรับค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้โดยชัดแจ้งจึงไม่เป็นประเด็นข้อพิพาทจำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าการกำหนดประเด็นไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบ คดีจึงไม่มีประเด็นเรื่องค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างทำหน้าที่พนักงานซักรีด ได้ค่าจ้างอัตราสุดท้ายวันละ ๙๐ บาท วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๓๓ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยโจทก์ไม่มีความผิด ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เงินประกันการทำงาน ค่าทำงานในวันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี ค่าล่วงเวลา ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามฟ้อง
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาห้าวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นการจงใจทำให้จำเลยเสียหาย ต้องจ่ายเงินเพิ่มแก่พนักงานที่ต้องทำงานมากชั่วโมงขึ้น โจทก์จึงมีสิทธิได้เงินประกันคืนเพียงบางส่วน ส่วนเงินอื่น ๆ จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลแรงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาห้าวันติดต่อกันโดยไม่มีเหตุสมควร จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อจ้างพนักงานอื่นทำงานแทนเป็นค่าล่วงเวลาวันละ ๕๕ บาท เป็นเวลา๓๐ วัน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายตามปกติในการดำเนินธุรกิจ มิใช่เรื่องโจทก์ออกจากงานทำให้จำเลยเสียหายโจทก์มีสิทธิรับเงินประกันคืนเต็มจำนวน พิพากษาให้จำเลยคืนเงินประกันจำนวน ๒,๕๐๐ บาท และจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี ๕๔๐ บาทให้โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามระเบียบของจำเลยเอกสารหมาย ล.๑ ข้อ ๑๒.๓ มีความว่า หากมีความเสียหายเกิดขึ้นอันอยู่ในความรับผิดชอบของพนักงาน ไม่ว่าจะโดยเจตนา ไม่เจตนา ประมาทเลินเล่อ อันเป็นความผิดจากการกระทำของพนักงาน โรงพยาบาลมีสิทธิจะหักค่าเสียหายออกจากเงินประกันได้ทันทีตามความเป็นจริง… และมีความอีกข้อหนึ่งว่า พนักงานต้องไม่กระทำความผิดสถานร้ายแรงตามกฎหมายและถูกเลิกจ้างตามความผิดนั้น โรงพยาบาลจึงจะคืนเงินประกันให้ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยต้องเสียค่าล่วงเวลาในการจ้างพนักงานอื่นไปวันละ ๔๕ บาท เป็นเวลา ๓๐ วัน เป็นเงิน ๑,๓๕๐ บาท เห็นว่า การที่โจทก์ขาดงานอันเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นเวลาติดต่อกันถึงห้าวันนั้นย่อมเป็นการเสียหายแก่จำเลยอยู่ในตัว และถือได้ว่าเป็นการร้ายแรง เพราะตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ ๔๗(๔) ก็ได้กำหนดไว้ชัดแจ้งแล้วว่าการละทิ้งงานติดต่อกันตั้งแต่สามวันขึ้นไปนายจ้างสามารถเลิกจ้างลูกจ้างผู้นั้นได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เมื่อโจทก์ถูกเลิกจ้างเพราะเหตุนี้ กรณีจึงเข้าเกณฑ์ตามระเบียบดังกล่าวซึ่งจำเลยมีสิทธิหักเงินประกันได้
จำเลยอุทธรณ์ในประการต่อมาว่า โจทก์ถูกเลิกจ้างเพราะละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ในเรื่องนี้ในชั้นที่ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นข้อพิพาทได้บันทึกไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า สำหรับค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี จำเลยมิได้ให้การต่อสู้โดยชัดแจ้งจึงไม่เป็นประเด็นข้อพิพาท จำเลยมิได้โต้แย้งว่าการกำหนดประเด็นข้อพิพาทของศาลแรงงานดังกล่าวไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบอย่างไร จึงต้องถือว่าคดีมีประเด็นเฉพาะที่ศาลแรงงานกลางกำหนดเท่านั้น เมื่อคดีไม่มีประเด็นเรื่องค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี อุทธรณ์ของจำเลยในเรื่องนี้จึงเป็นอุทธรณ์นอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยคืนเงินประกันให้โจทก์ ๑,๑๕๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.

Share