คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่แก้ไขใหม่นั้นกำหนดไว้เป็นหลักทั่วไปให้สามีและภรรยาเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน เว้นแต่จะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสระบุไว้เป็นอย่างอื่น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 หมายถึงการจัดการสินสมรสแก่ทรัพย์สินเฉพาะอย่างซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากหรือมีความสำคัญเป็นพิเศษซึ่งสามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินดังกล่าวโดยลำพังหรือเข้าร่วมจัดการด้วยได้ไม่ว่าคู่สมรสจะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสตกลงกันไว้อย่างไร สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลไม่ให้ต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวหรือถ้าไม่มีทั้งสัญญาก่อนสมรสและระหว่างสมรส สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสดังกล่าวแต่ผู้เดียว อันเป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ทั้งสองกรณีนี้ ผู้ร้องขอต่อศาลจะต้องแสดงให้เห็นว่าการที่จะทำเช่นนั้น จะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า
กรณีของโจทก์ โจทก์ต้องการเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับสามีตามอำนาจที่มีอยู่แล้วเท่านั้น โจทก์จึงไม่อาจอาศัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 ร้องขอให้ศาลตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับจำเลยที่ 1 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาจำเลยที่ ๑ โดยจดทะเบียนสมรสกัน จำเลยที่ ๒ ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์มีธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาประดิพัทธ์เป็นตัวแทนสาขา โจทก์กับจำเลยที่ ๑ มิได้ทำสัญญาก่อนสมรสกำหนดให้ผู้หนึ่งผู้ใดจัดการสินสมรส หลังจากสมรสกันแล้ว จำเลยที่ ๑ แต่ผู้เดียวจัดการสินสมรสตลอดมาหลังจากมีบุตรร่วมกันหนึ่งคน จำเลยที่ ๑ ประพฤติตนชั่วร้ายเป็นเหตุให้ทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอ จนโจทก์ไม่สามารถจะทนต่อไปได้ต้องแยกกันอยู่ จำเลยที่ ๑ ไม่ได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์อีกเลย ทรัพย์สินอันเป็นสินสมรสจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ครอบครองและใช้อำนาจจัดการทั้งสิ้นโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ ๑ จัดการสินสมรสแต่เพียงผู้เดียวต่อไป ได้แจ้งไปยังจำเลยที่ ๑ เพื่อขอถอนอำนาจจัดการทรัพย์สินทั้งหมด แต่จำเลยที่ ๑ เพิกเฉย ต่อมาโจทก์ได้มาติดต่อที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาประดิพัทธ์ เพื่อขอทราบดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่จำเลยที่ ๑ ฝากอยู่พร้อมทั้งขอใช้อำนาจจัดการดอกเบี้ยเงินฝากประจำร่วมกับจำเลยที่ ๑ ด้วย แต่ผู้จัดการธนาคารสาขาปฏิเสธ ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับจำเลยที่ ๑ หากจำเลยที่ ๑ ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำสั่งศาลเป็นการแสดงเจตนา ให้จำเลยที่ ๒ แสดงบัญชีดอกเบี้ยเงินฝากประจำอันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีฝากอยู่ที่ธนาคารจำเลยที่ ๒ สาขาประดิพัทธ์ และให้โจทก์ใช้อำนาจจัดการสินสมรสดังกล่าวร่วมกับจำเลยที่ ๑ ด้วย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยไม่ได้มีสินสมรสอย่างใดนอกจากเงินเดือน ดอกเบี้ยเงินฝากจากธนาคารก็ไม่ได้มากมายอะไร โจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างว่าจำเลยที่ ๑ จัดการสินสมรสให้เสียหายแต่อย่างใด
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะจำเลยที่ ๒ ไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ ปัจจุบันจำเลยที่ ๑ ได้ถอนเงินฝากประจำไปหมดสิ้นและได้ขอปิดบัญชีดังกล่าวแล้ว
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ยังไม่เสร็จก็สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว และเห็นว่ากรณีของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์มีสิทธิจัดการสินสมรสร่วมกับจำเลยที่ ๑ โดยชอบอยู่แล้วจะมาขอให้ศาลตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสทั่ว ๆ ไปร่วมกับจำเลยที่ ๑ อีก จึงนำมาตรา ๑๔๘๕ มาใช้บังคับไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ ๒ เมื่อจำเลยที่ ๑ ถอนเงินฝากไปหมดสิ้นแล้วก็ไม่อาจบังคับได้พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ ๕ ที่แก้ไขใหม่นั้น กำหนดไว้เป็นหลักทั่วไปให้สามีและภรรยาเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน เว้นแต่จะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสระบุไว้เป็นอย่างอื่นและมีบทบัญญัติตามมาตรา ๑๔๘๕ ให้สามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเข้าร่วมจัดการในการนั้นได้ ถ้าการที่จะทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า บทบัญญัติในมาตรานี้หมายถึงการจัดการสินสมรสแก่ทรัพย์สินเฉพาะอย่างซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากหรือมีความสำคัญเป็นพิเศษ กฎหมายจึงเปิดโอกาสให้สามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินดังกล่าวโดยลำพังหรือเข้าร่วมจัดการด้วยได้ไม่ว่าคู่สมรสจะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสตกลงกันไว้อย่างไร สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลไม่ให้ต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวหรือถ้าไม่มีทั้งสัญญาก่อนสมรสและระหว่างสมรส สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสดังกล่าวแต่ผู้เดียว อันเป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ทั้งสองกรณีนี้ผู้ร้องขอต่อศาลจะต้องแสดงให้เห็นว่าการที่จะทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า แต่กรณีของโจทก์ โจทก์ต้องการเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับสามีตามอำนาจที่มีอยู่แล้วเท่านั้น โจทก์จึงไม่อาจอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๔๘๕ ร้องขอให้ศาลตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับจำเลยที่ ๑ ได้ เมื่อวินิจฉัยดังกล่าวแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ต่อไป
พิพากษายืน

Share