คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3443/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์พ้นจากตำแหน่งไวยาวัจกร และทางวัดได้เพิกถอนอำนาจของ โจทก์ในการสั่งจ่าย-ถอนเงินของวัดแล้ว ขณะเกิดเหตุโจทก์ไม่ ได้เป็นไวยาวัจกรของวัด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินหรือ สมุดฝากเงินของวัดแล้ว การที่จำเลยผู้เป็นเจ้าอาวาส แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าสมุดเงินฝากของวัดตกหาย จึงไม่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์ฟังได้ตามทางไต่สวนมุลฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดห้วยยาง จำเลยที่ 1 เป็นพระลูกวัด ส่วนจำเลยที่ 3 อาศัยอยู่ในวัดดังกล่าวโจทก์เคยเป็นไวยาวัจกรของวัดห้วยยางมาก่อน แต่ได้พ้นจากตำแหน่งและทางวัดได้เพิกถอนอำนาจของโจทก์ในการสั่งจ่าย ถอนเงินของวัดตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2525 แล้ว วัดดังกล่าวได้ฝากเงินของวัดและฝากสมุดฝากเงินดังกล่าวไว้ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาชลบุรี เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2525 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้แจ้งความต่อร้อยตำรวจเอกรัชชัย ชโลธร พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอพานทองจังหวัดชลบุรี ว่าสมุดเงินฝากของวัดห้วยยางตกหาย ต่อมาวันที่ 3 เดือนเดียวกันจำเลยที่ 2 แลัที่ 3 ได้ไปขอถอนแจ้งความดังกล่าว ต่อร้อยตำรวจเอกรัชชัย ชโลธร ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ได้พ้นจากตำแหน่งไวยาวัจกรและทางวัดได้เพิกถอนอำนาจของโจทก์ในการสั่งจ่าย – ถอนเงินของวัดตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2525 ขณะเกิดเหตุโจทก์ไม่ได้เป็นไวยาวัจกรของวัด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินหรือสมุดฝากเงินของวัดแล้วการแจ้งความของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share