แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เช่าที่ดินปลูกบ้านอยู่อาศัยทำสัญญากับผู้ให้เช่าว่าจะรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินภายในเวลาที่กำหนด และผู้ให้เช่าตกลงจะให้เงินค่ารื้อถอน แต่ผู้เช่าผิดสัญญาขายบ้านให้ผู้ซื้อรื้อไปหลังจากพ้นกำหนดแล้ว ตามสัญญาระบุว่าหากผู้เช่าไม่รื้อบ้านออกจากที่เช่าไปให้เสร็จสิ้นตามกำหนด ผู้เช่ายอมเลิกสละสิทธิการเช่าที่ดินและให้บ้านของผู้เช่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าตามสัญญาแล้วผู้เช่าย่อมหมดสิทธิที่จะรื้อถอนบ้านออกไปและเรียกค่ารื้อถอนจากผู้ให้เช่า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าที่ดินจำเลยปลูกบ้านอยู่อาศัย จำเลยตกลงกับโจทก์ให้โจทก์รื้อบ้านไป จะให้ค่ารื้อถอน 32,000 บาท จำเลยจ่ายแล้ว 20,000 บาท อีก 12,300 บาทจะจ่ายเมื่อโจทก์รื้อบ้านออกไปแล้ว บัดนี้โจทก์รื้อบ้านเสร็จ จำเลยไม่ยอมจ่ายเงิน ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญา จำเลยมีสิทธิไม่จ่ายเงิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่ารื้อถอนแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์เช่าที่ดินของจำเลยปลูกบ้านอยู่อาศัย จำเลยประสงค์จะให้โจทก์รื้อบ้านออกไป จึงตกลงทำสัญญาหมาย ล.1 กันไว้ ซึ่งโจทก์สัญญาจะรื้อถอนบ้านออกไปให้เสร็จสิ้น ก่อนวันที่ 20 พฤษภาคม 2510 ก่อนวันกำหนดรื้อถอน 7 วัน โจทก์จะขอรับเงินค่ารื้อถอนงวดที่ 2 โดยจะแจ้งให้ทราบกำหนดรื้อถอนล่วงหน้าและจะขอรับเงินงวดสุดท้ายภายใน 7 วันนับจากวันที่จำเลยได้รับแจ้งว่าการรื้อถอนเสร็จสิ้นลงและภายในกำหนดตามสัญญาปรากฏว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามสัญญา โดยได้ขายบ้านให้ผู้ซื้อรื้อไปเมื่อเลยกำหนดวันที่ 20 พฤษภาคม 2510 แล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาหมาย ล.1 นี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งโจทก์จำเลยมีเจตนาถือกำหนดเวลาที่โจทก์ต้องรื้อบ้านของโจทก์ออกไปจากที่ดินของจำเลยเป็นข้อสำคัญโดยโจทก์ต้องรื้อออกไปก่อนวันที่ 20 พฤษภาคม 2510 ตามสัญญาข้อ 2 สารสำคัญที่โจทก์มีสิทธิจะได้รับเงินค่ารื้อถอนอีก 12,000 บาท จากจำเลยได้ก็ต่อเมื่อโจทก์ได้ปฏิบัติตามสัญญาข้อ 3 และข้อ 4 กล่าวคือ เงินงวดแรก8,000 บาท โจทก์จะได้รับก็ต่อเมื่อโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงกำหนดวันที่จะเริ่มรื้อบ้านหลังนี้ ส่วนงวดที่ 2 เงิน 4,000 บาทโจทก์ต้องแจ้งให้จำเลยทราบว่าได้รื้อบ้านของโจทก์ออกไปแล้วทั้งนี้ จะต้องเป็นเวลาก่อนวันที่ 20 พฤษภาคม 2510 แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวเลย ทั้ง ๆ ที่จำเลยได้โทรเลขถามโจทก์มาเมื่อใกล้ ๆ จะครบกำหนดตามสัญญา โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดนัดผิดสัญญา แม้โจทก์จะเจ็บป่วยก็ปรากฏว่าโจทก์ยังไปไหนมาไหนได้โจทก์จะอ้างความเจ็บป่วยมาเป็นข้อแก้ตัวหาได้ไม่ แม้ในสัญญาจะไม่ได้ระบุไว้ว่าหากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อ 3, 4แล้ว จำเลยจะมีสิทธิที่จะไม่ให้เงินจำนวนนี้แก่โจทก์ แต่ตามสัญญาข้อ 5 ระบุว่า หากโจทก์ไม่รื้อถอนบ้านออกจากที่เช่าไปให้เสร็จสิ้นตามกำหนด โจทก์ยอมเลิกสละสิทธิการเช่าที่ดินของจำเลยและบ้านของโจทก์ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของจำเลยตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยทันที เมื่อโจทก์ผิดสัญญาเป็นเหตุให้การเช่าที่ดินเลิกกัน และบ้านของโจทก์ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตามสัญญาแล้ว โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะรื้อถอนบ้านออกไปจากที่เช่าดังนั้น โจทก์จึงหามีสิทธิเรียกค่ารื้อถอนจากจำเลยอีกไม่
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง