แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เช่าที่ดินซึ่งมีบ่อเลี้ยงปลา แต่โจทก์ได้ปิดกั้นบ่อ ปลูกต้นไม้ล้มลุกและล้อมรั้วลวดหนามไว้ ต่อมาจำเลยซื้อที่ดินแปลงนั้น แต่โจทก์ยังคงครอบครองในฐานะเป็นผู้เช่า แล้วจำเลยไปวิดปลาในบ่อ ตัดต้นไม้ล้มลุกและรื้อลวดหนามเหล่านั้น จำเลยย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์
ผู้เช่าที่ดินได้ปลูกต้นไม้ล้มลุกไว้ เมื่อออกจากที่ดินไป ผู้เช่าที่ดินมีสิทธิเอาไม้ล้มลุกไปได้
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้เช่านาตามโฉนดเลขที่ 356, 2165จากเจ้าของเดิม ต่อมาจำเลยได้รับซื้อที่นาไว้เป็นกรรมสิทธิ์ แต่โจทก์ยังครอบครองในฐานะเป็นผู้เช่าตลอดมา เมื่อวันที่ 25, 26, 27 มีนาคม 2508 จำเลยบังอาจสมคบกับพวกรวม 5 คน ทำการลักทรัพย์โดยวิดบ่อในบริเวณที่ที่โจทก์เช่า แล้วนำเอาปลาในบ่อไป คิดเป็นเงินราคาประมาณ 2,000 บาทเศษ ต่อมาวันที่ 6 และ 7 เมษายน 2508 จำเลยได้รื้อลวดหนามที่ล้อมรอบบ้านของโจทก์ในที่เช่านั้น และจำเลยกับพวกอีก 3 คน สมคบกันบุกรุกเข้าไปในที่ดินที่เช่าของโจทก์แล้วบังอาจขุดทำลายต้นผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์คิดเป็นเงิน 30,000 บาท เป็นอย่างต่ำ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 358, 359
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีของโจทก์มีมูลให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าปลาและพืชผลที่หาว่าจำเลยลักและทำลายมีและเกิดอยู่ในนาของจำเลย การวิดบ่อปลาได้ทำต่อหน้าโจทก์และภริยาโจทก์ มิได้ลักลอบกระทำแสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ยังครอบครองที่ดินในฐานะเป็นผู้เช่าอยู่การที่จำเลยจับเอาปลาและขุดต้นไม้ล้มลุกต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์แล้ว เอาไปเสีย ทั้งได้รื้อลวดหนามของโจทก์จนเสารั้วหัก การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้องเว้นแต่ที่ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359 โจทก์มิได้บรรยายฟ้องตามนั้น พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) ให้จำคุกมีกำหนด 6 เดือน และผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 358 ให้ปรับจำเลยเป็นเงิน 3,000 บาทไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยให้คนไปวิดบ่อเอาปลาซึ่งเป็นของโจทก์ไปจริงและเชื่อว่าจำเลยรื้อรั้วลวดหนามทำให้ลวดหนามขาด เสารั้วหักทั้งขุดฟันเอาต้นผลไม้ต่าง ๆ ของโจทก์ไปจริง แล้ววินิจฉัยว่าต้นไม้ที่จำเลยกับพวกขุดและตัดฟันเอาไป มีทั้งไม้ยืนต้นและไม้ล้มลุกซึ่งโจทก์ปลูกไว้ โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดิน ไม้ล้มลุกที่โจทก์ปลูกเมื่อโจทก์ต้องออกไปจากที่ดิน โจทก์ก็มีสิทธิจะขนเอาไปได้ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยซื้อที่ดินแล้วสิ่งของเหล่านั้นต้องเป็นของจำเลยทั้งหมดหาได้ไม่ แม้ที่ดินรายนี้จำเลยจะได้ซื้อไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้วก็ดี แต่โจทก์ก็ยังครอบครองมีสิทธิอยู่ตามสัญญาเช่า การที่จำเลยให้วิดบ่อเอาปลาไปและขุดฟันต้นไม้ล้มลุกต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์แล้วเอาไปเสีย ทั้งได้รื้อลวดหนามของโจทก์จนเกิดความเสียหาย โดยจำเลยไม่มีอำนาจกระทำได้นั้น การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ภายในกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์