แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้คำฟ้องของโจทก์จะระบุให้จำเลยรับผิดในฐานะจำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุไว้ด้วย แต่ข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าในขณะเกิดเหตุจำเลยเพียงเป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุเท่านั้น โดยจำเลยมิได้เป็นผู้ขับหรือโดยสารไปด้วย จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถยนต์คันเกิดเหตุตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 4ง-5838 กรุงเทพมหานคร ทั้งเป็นผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุคดีนี้ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2531 เวลาประมาณ 14 นาฬิกา จำเลยขับรถยนต์คันดังกล่าวมาตามถนนสุขุมวิทจากทางด้านชิดลมมุ่งหน้าไปยังกรมตำรวจตามหลังรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7ฉ 627 กรุงเทพมหานคร ซึ่งประกันภัยไว้กับโจทก์เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณด้านหน้าศูนย์สรรพสินค้าโซโก แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร จำเลยไม่ขับรถให้ห่างจากรถข้างหน้าในระยะที่ห่างพอสมควรที่จะหยุดได้อย่างปลอดภัยเมื่อจำเป็นต้องหยุด และขับด้วยความเร็วสูงตามหลังรถคันดังกล่าวอย่างกระชั้นชิดโดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถฝ่ายโจทก์และได้รับความเสียหายทั้งสองคัน โจทก์จัดการซ่อมรถคันที่รับประกันภัยเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 9,165 บาทจึงเข้ารับช่วงสิทธิในค่าเสียหายดังกล่าว จำเลยในฐานะผู้ทำละเมิดและเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองรถยนต์ที่ชนรถยนต์ฝ่ายโจทก์จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย 9,623 บาท พร้อมดอกเบี้ย นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การ แก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งว่า นายชาครประพฤทธิกุล ผู้เอาประกันภัยไม่ใช่ผู้ขับรถคันเกิดเหตุที่โจทก์รับประกันภัยแต่มอบให้บุคคลอื่นที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่เป็นผู้ขับอันเป็นการผิดเงื่อนไขประกันภัยและโจทก์ไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย จำเลยไม่ใช่ผู้ขับหรือครอบครองรถคันเกิดเหตุของจำเลยและไม่เคยจ้าง วาน หรือใช้ผู้ใดขับรถคันเกิดเหตุดังกล่าวฟ้องโจทก์ไม่เป็นความจริง ความจริงแล้วรถฝ่ายโจทก์ขับแซงซ้ายและหักเลี้ยวขวาเข้ามาในช่องเดินรถของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน4ง-5838 กรุงเทพมหานคร เร็วเกินไปทำให้ไม่พ้น และกันชนท้ายด้านขวาไปเฉี่ยวโดนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 4ง-5838 กรุงเทพมหานครได้รับความเสียหาย โดยไม่ใช่ความผิดของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน4ง-5838 กรุงเทพมหานคร ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องสูงเกินไปหากจำเลยจัดซ่อมจะไม่เกิน 1,000 บาท เนื่องจากรถฝ่ายโจทก์กระทำละเมิดต่อรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 4ง-5838กรุงเทพมหานคร ของจำเลย เป็นเหตุให้รถจำเลยเสียหายที่กันชนด้านหน้าข้างซ้ายยุบและตัวถังรถใต้กันชนบุบ จะเสียค่าซ่อมและเปลี่ยนอุปกรณ์ประมาณ 10,000 บาท ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 9,623 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้อุทธรณ์ฎีกาได้แต่เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาเช่นว่านี้ศาลฎีกาจะต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้รับฟังจาก ศาลชั้นต้นว่า ในขณะเกิดเหตุชายไม่ทราบชื่อได้ขับรถยนต์คันเกิดเหตุของจำเลยโดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายโดยจำเลยมิได้เป็นผู้ขับหรือโดยสารไปด้วย แม้คำฟ้องของโจทก์จะระบุให้จำเลยรับผิดในฐานะจำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันเกิดเหตุไว้ด้วย แต่ข้อเท็จจริงก็ได้ความว่าในขณะเกิดเหตุจำเลยเพียงเป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุเท่านั้น โดยจำเลยมิได้เป็นผู้ขับหรือโดยสารไปด้วย จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถยนต์คันเกิดเหตุตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
พิพากษายืน ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย